ในช่วงที่ผ่านมาระหว่างที่เกิดการระบาดของโรคระบาด Covid-19 หากใครที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุน จะพบว่าทางธนาคารกลางของสหรัฐได้ออกมาใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่บ่อยครั้ง โดยใช้มาตรการ QE หรือที่หลายคนเรียกว่า “การพิมพ์เงิน” ซึ่งการพิมพ์เงินนั้นคืออะไร แล้วมันเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อโลกการลงทุน วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันครับ
QE เป็นหนึ่ง “เครื่องมือทางการเงิน” ที่ถูกใช้โดยธนาคารกลางทั่วโลก และที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดคือ มาตรการ QE ของสหรัฐ และมาตรการ QE ของญี่ปุ่น เพราะมีการพิมพ์เงินที่สูงและต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน โดยการ QE จัดอยู่ในนโยบายประเภท ‘เชิงรุก’ วิธีการก็คือ ธนาคารกลางจะเข้าไปซื้อ “สินทรัพย์ทางการเงิน” ในปริมาณมหาศาล โดยทั่วไปจะเป็นการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่สถาบันการเงินต่างๆ ได้ฝากไว้กับธนาคารกลาง มักเป็นสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ชนิดต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นกู้ของบริษัทใหญ่ๆ เป็นต้น
QE ทำขึ้นเพื่ออะไร ?
QE มีเป้าหมายเพื่อ “กระตุ้นการไหลเวียนของปริมาณเงิน” ซึ่งก็คือการอัดฉีดเม็ดเงิน นั่นเอง ซึ่งมักจะใช้มาตรดังกล่าวในภาวะที่ไม่ปกติเศรษฐกิจ
QE ส่งผลต่อตลาดอย่างไร
QE ส่งผลปริมาณเงินในระบบ การพิมพ์เงินทำให้ค่าเงินของประเทศที่ออกมาตรการดังกล่าวเสื่อมค่าลง เนื่องจากเงินในระบบมีเยอะจนล้น มูลค่าที่แท้จริงย่อมลดลง ก็จะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในที่สุดนั่นเอง
ซึ่งทำให้สินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ มีมูลค่าสูงขึ้น เช่นทองคำ หุ้น คริปโต มักจะปรับตัวสูงขึ้นหลังจาก การประกาศนโยบายที่จะเพิ่มการทำ QE ซึ่งเป็นผลดีต่อนัก ฉนั้นหากเรารู้อย่างงี้แล้ว ก็ไม่ควรเก็บเงินสดไว้เพียงอย่างเดียว เนื่องจากนับวันมูลค่ายิ่งลดลงไปเรื่อยๆ เราควรที่จะนำเงินไปลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงยิ่งขึ้น ทันกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี