อันดับแรกเราควรรู้กันก่อนว่าค่าเงินของสกุลเงินใดที่มีสภาพความคล่องสูง นั่นคือมีปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก และค่าเงินเหล่านั้นก็คือเหล่าสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
- USD: สกุลเงินดอลลาร์สหรัสฯ
- EUR: สกุลเงินยูโร
- GBP: สกุลเงินปอนด์สเตอริง
- CHF: สกุลเงินสวิสฟรังค์
- CAD: สกุลเงินดอลลาร์แคนาดา
- JPY: สกุลเงินเยน
- CNY/CNH: สกุลเงินหยวน
- AUD: สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
- NZD: สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
สำหรับนักเทรด Forex ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ คำถามที่มักจะถามกันบ่อยๆ คือ คู่เงิน Forex ไหนที่นิยมและน่าเทรดมากที่สุด ? เหตุผลที่เราต้องเลือกคู่เงินหลัก หรือ Major Currency Pairs ที่นิมยมนั้นจะทำให้ค่าสเปรดถูก (ส่วนต่างของราคาซื้อขาย) เพราะมีสภาพคล่องสูง และสามารถทำกำไรง่ายกว่าคู่เงินที่คนไม่นิยมเทรดกัน แล้วคู่เงินหลักที่ยอดนิยมและน่าเทรดมีอะไรบ้าง มีอะไรบ้างมาดูกัน
1.EUR/USD: ยูโร/ดอลลาร์สหรัสฯ
2.USD/JPY: ดอลลาร์สหรัสฯ/เยน
3.GBP/USD:ปอนด์สเตอริง/ดอลลาร์สหรัสฯ
4.USD/CHF: ดอลลาร์สหรัสฯ/สวิสฟรังค์
5.AUD/USD: ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัสฯ
6.USD/CAD: ดอลลาร์สหรัสฯ/ดอลลาร์แคนาดา
ทั้ง 6 คู่เงินนี้จะเรียกว่า “คู่เงินหลัก” หรือ Major Currency Pairs นั่นเอง
ซึ่งจะนิยมมากที่สุด 3 คู่เงินนั่นคือ EUR/USD , USD/JPY และ GBP/USD
แต่ถ้าคู่เงินอื่นที่ไม่มี USD จะถูกเรียกว่า “คู่เงินรอง” หรือ Minor Currency Pairs
เช่น EUR/JPY , GBP/JPY เป็นต้น
แต่ก็ยังมีคู่เงินที่เพิ่งจะเกิดใหม่อีกซึ่งจะถูกเรียกว่า “คู่เงินเกิดใหม่” หรือ Exotic Currency Pairs คู่เงินเหล่านี้จะมีสภาพคล่องไม่มากนักจึงทำให้มีค่าธรรมเนียมและค่าสเปรดหรือค่าคอมมิชชั่นที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมักจะไม่ค่อยนิยมใช้เทรดกัน
ดังนั้นตามที่กล่าวจากข้างบน เหตุผลหลักที่เทรดเดอร์นิยมเทรดคู่เงินหลัก หรือ Major Currency Pairs ก็เป็นเหตุผลมาจากสภาพความคล่องสูง การที่มีสภาพความคล่องเยอะจะทำให้ราคาซื้อและราคาขายไม่แตกต่างกันมาก นั้นหมายความว่าค่าสเปรดในการเทรดก็ต่ำลงไปด้วย
หากจะพูดกระแสการลงทุนในยุคนี้ ถือว่ามาแรงมากๆ และหากใครกำลังสนใจการลงทุน สิ่งที่ควรคำนึงถึงเลยคือ การเลือกโบรกเกอร์ ที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์นักลงทุน ยกตัวอย่างเช่น ต้องเป็นโบรกที่สามารถเทรดได้หลากหลายตลาด, มีการฝากเงินที่รวดเร็ว, ค่า Commission ต่ำ เป็นต้น