ราคา Bitcoin กำลังขยับสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี แต่ที่สกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ ยังคงมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเผชิญกับปัญหาซับซ้อนมากมายในขณะนี้
โดยราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นประมาณ $41,800 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเทขายครั้งล่าสุด โดยก่อนหน้านี้ราคา Bitcoin ลดลงต่ำกว่า $39,000 ในวันจันทร์ ก่อนที่จะกลับมาถึง $40,000 ในวันอังคาร และเพิ่มขึ้นอีกครั้งในวันพุธ แต่จากมุมมองทางเทคนิค มีสัญญาณว่า Bitcoin จะยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
Katie Stockton หุ้นส่วนผู้จัดการของกลุ่มวิจัยทางเทคนิค Fairlead Strategies บอกกับสำนักข่าว Barron ว่าราคา Bitcoin นั้นอยู่เหนือระดับ $40,000 โดย Bitcoin หรือคริปโตฯ ที่ใหญ่ที่สุด “สร้างสัญญาณ ‘ซื้อ’ ขายเกิน ซึ่งเกิดจากเทคนิค Stochastic รายวัน” Stockton กล่าว
ในขณะที่ Ethereum ก็ดูเงียบกว่า Bitcoin เป็นอย่างมาก โดยโทเค็นที่สนับสนุนเครือข่าย Ethereum Blockchain ราคาลดลงน้อยกว่า 1% เหลือต่ำกว่า $3,100 ส่วน Ethereum ก็ราคาร่วงต่ำกว่า $2,900 ในการซื้อขายในวันจันทร์ แต่ก็กลับมาขึ้นเหนือ $3,000 ในวันอังคาร
“Altcoins” หรือ คริปโตเคอร์เรนซีสกุลอื่น ๆ นอกจาก Bitcoin ก็มีราคาที่ทั้งขึ้น และลงผสมในทำนองเดียวกัน โดย Solana ร่วง 2% Luna ยังราคาคงที่ และ Cardano ลดลง 1% แต่ในส่วนของ “Memecoins” หรือเหรียญที่สร้างขึ้น เพื่อให้เรื่องตลกทางอินเทอร์เน็ตมากกว่าโปรเจ็กต์บล็อคเชนใหญ่ ๆ ก็มีราคาต่ำกว่ามาก โดย Dogecoin ลดลง 3% และ Shiba Inu ลดลง 2%
คริปโตเคอร์เรนซีมีการซื้อขายในช่วงที่ค่อนข้างแคบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยที่กดดันตลาดการเงินกระแสหลัก ในขณะที่ Bitcoin และเหรียญสกุลอื่น ๆ ควรจะมีการเทรดแบบอิสระในทางทฤษฎี ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับหุ้นและพันธบัตร โดยได้พิสูจน์แล้วว่า มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี
กล่าวแบบกว้าง ๆ คริปโตเคอร์เรนซี และหุ้นได้รับแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงเชิงรุกในนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดกำลังเผชิญกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งจากธนาคารกลางสหรัฐในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากธนาคารกลางกำลังต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ด้วยนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น สิ่งนี้จะเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม และมีแนวโน้มที่จะลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่า ซึ่งจะรวมไปถึงคริปโตเคอร์เรนซีด้วย
ที่มา : barrons.com
