ที่ผ่านมาโลกของเราได้ก้าวผ่าน “วิกฤตเศรษกิจ” (Economic Crisis) มาหลายอย่าง ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจเหล่านี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก และทิ้งความเสียหายไว้ในระยะยาว แต่ทุกวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาล้วนให้บทเรียนแก่โลกเสมอ ตัวอย่างเช่น
- วิกฤตซับไพร์ม (Subprime Crisis) เมื่อปี 2008 เกิดจากการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ให้กับผู้ที่มีเครดิตต่ำ
- วิกฤตฟองสบู่ดอทคอม (Dot Com Crisis) เมื่อปี 1995 เป็นภาวะที่ราคาสินทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง เนื่องจากในยุคนั้นเป็นช่วงแรกที่หุ้นเริ่มทำการ IPO
- วิกฤตต้มยำกุ้ง (Asian Financial Crisis) เมื่อปี 1997 มีสาเหตุมาจากการลงทุนเกินตัวของผู้ประกอบการ, การเก็งกำไรในราคาอสังหาริมทรัพย์ และความไม่รอบคอบในการกำกับดูแลระบบการเงินของภาครัฐ
- วิกฤตหนี้สาธารณะยุโรป (The European Crisis) เมื่อปี 2010 เกิดขึ้นในสมาชิกสหภาพยุโรปหลายประเทศ ได้แก่ กรีซ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ สเปน และไซปรัส ที่ไม่สามารถใช้หนี้ที่รัฐบาลก่อไว้ได้ จนได้รับความช่วยเหลือจากภาคีภายนอก
- วิกฤตโควิด-19 (Covid-19 Crisis) เมื่อปี 2020 เป็นปรากฎการณ์โรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักอย่างฉับพลัน และส่งผลให้ GDP ของประเทศต่าง ๆ หดตัวเกิดคาด
ในหลายครั้งเรามักจะหยิบยก “วิกฤตเศรษฐกิจ” ในอดีตมาพูดถึง โดยทำการวิเคราะห์และถอดบทเรียนได้จากมัน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบัน และประกอบการตัดสินใจของบุคคล ซึ่ง “วิกฤตเศรษฐกิจ” เหล่านี้เป็น Case Study ชั้นดี ที่เราสามารถถอดบทเรียนที่อยู่นอกเหนือจากในตำราได้
วันนี้! เราขอนำเสนอ 5 หนังน่าดู ซึ่งเป็น Case Study ที่สร้างจากเรื่องจริงของ “วิกฤตเศรษฐกิจ” ที่เคยเกิดขึ้น หนังน่าดูเหล่านี้ คือ สาระบันเทิงน้ำดี ที่เราสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมไปถึงการแก้ปัญหาของภาครัฐได้จากหนังเหล่านี้ รับรองว่า ไม่น่าเบื่อเหมือนอ่านในตำรา สนุก และได้ความรู้อย่างแน่นอน
วิกฤตเศรษฐกิจ คือ อะไร ?
——————————🐣——————————-
5 หนังน่าดู Case Study จาก “วิกฤตเศรษฐกิจ” ที่สร้างจากเรื่องจริง!
Margin Call (2011)
Margin Call เรื่องนี้โด่งดังมากในหมู่นักลงทุน หนังเล่าถึงการเลย์ออฟพนักงานออกจากบริษัทในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจการเงินเมื่อปี 2008 โดยเริ่มจากบริษัทเก่าแก่ที่ล้มไม่เป็นท่า ทำให้บริษัทลูกต่างพากันปิดตัวลงเป็นโดมิโน่ ซึ่งภาพยนต์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นและการเงินโดยตรง บางช่วงอาจจะเข้าใจยากเล็กน้อย แต่บทถ่ายทอดออกได้ดีครับ สอนให้รู้ว่า “ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็กอยู่เสมอ” ผู้บริหารยอมสละหลายอย่างเพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ สื่อถึงความโหดร้ายและเสียดสีเรื่องราวในโลกธุรกิจ บางคนอาจดูแล้วมองว่า เนื้อหารุนแรงไปหน่อย แต่บางครั้งสถานการณ์ก็บีบให้เราเลือกไม่ได้
—————————— Trailer ——————————-
Inside Job (2010)
Inside Job เป็นภาพยนต์กึ่งสารคดีที่ได้รับรางวัลออสการ์ในปี 2010 โดยนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการเปิดโปงการฉ้อโกงในตลาดการเงินของสหรัฐฯ โดยมีเรื่องจริงมาจากวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2008 หรือวิกฤตซับไพร์ม ซึ่งในภาพยนต์เรื่องนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกถึงสาเหตุการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจพร้อมการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น (มีบางคนไม่ยอมให้สัมภาษณ์) นอกจากนี้ เนื้อหายังเสียดสีถึงระบบภายในที่เน่าเฟะ และไม่แก้ไขปัญหาแต่เลือกที่จะซ่อนไว้ เพื่อประโยชน์ของคนไม่กี่คน สุดท้ายการกระทำนั้นทำให้เศรษฐกิจต้องล้มในที่สุด เรื่องนี้ถือว่าเดือดเลยทีเดียว แต่คู่ควรแก่การรับชม และเป็นหนังน่าดูที่ดูจบแล้วต้องปรบมือให้
—————————— Trailer ——————————-
Too Big To Fail (2011)
Too Big To Fail เป็นอีกหนึ่งในหนังน่าดูที่ไม่ดูไม่ได้ สะท้อนกับวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันที่พึ่งเกิดขึ้นกับ Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ถูกปิดตัวลงภายใน 48 ชม. ซึ่งล่าสุด FED ก็หาทางอุ้มจนได้ เพราะมัน Too Big To Fail หรือเรียกง่าย ๆ ว่าใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้ม โดยเนื้อหาในเรื่องนี้นำเสนอเกี่ยวกับ “การอุ้มสถาบันการเงิน” แห่งหนึ่ง โดยมีการถกเถียงถึงวิธีแก้ไขปัญหาคล้ายกับภาพยนต์เรื่อง Margin Call แต่จะเน้นไปที่รัฐบาลโดยตรง
—————————— Trailer ——————————-
99 Homes (2015)
99 Homes เป็นภาพยนต์สะท้อนการทำงานที่ผิดพลาดของธนาคาร เช่นเดียวกับวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2008 โดยธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้เครดิตต่ำ จนทำให้ต้องเกิดการยึดบ้านเมื่อไม่สามารถชำระค่างวดได้ เนื้อหาไม่ได้เสียดสีการทำงานของภาครัฐเท่าไร แต่เป็นการสะท้อนผลกระทบของการทำงานที่ผิดพลาด ซึ่งส่งผลเสียโดยตรงแก่ประชาชน บางคนถูกยึดบ้านก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าผู้ยึดเลย หนังเรื่องนี้ทำฉากตอนยึดบ้านได้น่าสะเทือนใจมากครับ นอกจากนี้ยังนำเสนอเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลของธนาคารที่ไม่ตรงกัน จนทำให้เจ้าของบ้านต้องเดือดร้อน ส่วนรายละเอียดไปติดตามกันเองในหนังนะครับ
—————————— Trailer ——————————-
The Big Shot (2015)
The Big Shot หนังน่าดูเจ้าของรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ภาพยนต์เรื่องนี้เล่าถึงที่มาที่ไปของวิกฤตเศรษฐกิจซับไพร์ม และถ่ายทอดอารมณ์ทางด้านศีลธรรมของตัวละครเกี่ยวกับความคิดเห็นในวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ อย่างที่ทราบกันดีว่า วิกฤตเศรษฐกิจซับไพร์มเกิดจากการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ที่มีเครดิตต่ำ ตัวละครหลักเป็นผู้จัดการกองทุนและเล็งเห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการก่อตัวของฟองสบู่ เขาจะแห่ซื้อตราสารอนุพันธ์กับสถาบันต่าง ๆ เพื่อ Short ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย และสุดท้ายวิกฤติเศรษฐกิจก็เริ่มขึ้น จุดจบจะเป็นอย่างไร ไปติดตามต่อกันในหนังครับ เดี๋ยวจะหาว่าสปอยล์!
—————————— Trailer ——————————-
สรุป
ทั้งหมดนี้ คือ 5 หนังน่าดู ที่เป็น Case Study จาก “วิกฤตเศรษฐกิจ” โดยสร้างจากเรื่องจริง ได้ทั้งสาระและความบันเทิงไปในตัว อีกทั้งยังสะท้อนแง่คิดและจิตสำนึกของตัวละครแต่ละตัวออกมาได้อย่างดี หากเรามองย้อนกลับไป เราอาจหาทางเอาตัวรอดได้ดีกว่าที่ผ่านมาจริงไหมครับ? ดังนั้น ทุกวิกฤตที่เกิดขึ้นล้วนเป็นบทเรียน และเป็นภูมิคุ้มกันให้เราผ่านวิกฤตเศรษกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป อย่างน้อยเราก็รู้เท่าทันมันมากขึ้น