หุ้นเทคโนโลยี หรือ หุ้น Tech เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับนวัตกรรมของโลกอนาคต มีการปรับตัวสูงขึ้นของราคา ในทางตรงข้ามในบางอุตสาหกรรมเริ่มมีการถดถอยลงจึงต้องปรับตัวกันให้มากขึ้น เพราะถ้าไม่ปรับตัวสุดท้ายก็จะถูกเทคโนโลยีเข้ามา Disrupt หรือแทนที่ได้นั่นเอง
อีกทั้งในเรื่องของวิกฤต Covid-19 ยังส่งผลทำให้เป็นตัวกระตุ้นให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค หันมาพึ่งพาเทคโนโลยีกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสามารถแบ่งได้หลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจซอฟแวร์, ฮาร์ดแวร์, e-commerce, social media, ระบบชำระเงินออนไลน์, Cloud based service, Ai รวมไปถึง Blockchain ที่เป็นกระแสที่คนกล่าวถึงอย่างมากในปี 2021
หุ้นเทคโนโลยี มีตัวไหนน่าสนใจบ้าง?
1. Microsoft (MSFT)
ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ และ Cloud ซึ่งธุรกิจลักษณะนี้จะมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้งานมีทุกวัน และเขาเป็นเจ้าตลาดในเรื่องนี้ ถือเป็นอีกตัวที่น่าสนใจ เนื่องจากประกอบธุรกิจที่หลากหลายและมีพื้นฐานที่ดี
2. Apple (AAPL)
ผู้ผลิตและจำหน่ายมือถือแท็บแล็ต คอมพิวเตอร์ รวมถึงให้บริการอื่นๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าใครที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple แล้วจะติดใจกันเป็นอย่างมาก และก็เป็นหุ้นอีกตัวที่งบไตรมาสที่ 4 ออกมาค่อนข้างดีจากยอดขาย iPhone 11 ที่ดีเกินคาด
3. Alphabet (GOOGL)
เจ้าของ YouTube Android Google map และ Gmail ถือเป็นเทคประเภท Social Media ซึ่งเทรนด์นี้ยังไปได้อีกไกล แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องกฎเกณฑ์การใช้งานของแต่ละประเทศ และการพึ่งพิงรายได้จากสื่อโฆษณามากเกินไป แต่ที่ผ่านมาบริษัทก็มีความพยายามปิดจุดเสี่ยงเรื่องนี้ ด้วยการกระจายตัวออกไปทั่วโลก
4. Meta (META)
Meta หรือ เมตา หรือชื่อเดิมของ Facebook ที่พัฒนาและให้บริการ Social Media โดยเป็นเจ้าของทั้ง Instagram WhatsApp เป็นต้น โดย Meta มีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่ม Social Media เป็นอันดับ 1 ของโลกที่ 67.4% รายได้หลักของบริษัทมาจากสื่อโฆษณาออนไลน์ โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 98% ของรายได้รวม ซึ่งรายได้จากการโฆษณาและจำนวนผู้ใช้งาน Meta รายวันก็ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
5. Netflix (NFLX)
Netflix ผู้ประกอบธุรกิจยักษ์ใหญ่ ที่บริการความสิ่งบันเทิงทางอินเทอร์เน็ต ด้วยการดูวิดีโอแบบ Steaming on Demand ปัจจุบันมีผู้ใช้งานจำนวน 150 ล้านคน ครอบคลุม 190 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ทำให้ Netflix สามารถเข้าถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ผ่าน Big Data ซึ่งช่วยในการพัฒนา Content ให้ถูกใจผู้ใช้งานยิ่งขึ้น
ความเสี่ยงการลงทุนในหุ้น Tech
ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ยิ่งความรู้น้อย ยิ่งเสี่ยงสูง แต่ถ้าหากเราศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหุ้นกลุ่มนี้เยอะๆ ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้ เริ่มจากศึกษาธุรกิจเทคโนโลยีที่เรารู้จักให้ลึกซึ้งว่าเขาทำอะไร มีโมเดลธุรกิจเป็นอย่างไร และหมั่นอัปเดตข้อมูลสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นเทคโนโลยีแล้ว ไม่ว่าเราจะทำการบ้านหาข้อมูลธุรกิจเหล่านี้มาดีแค่ไหน แต่เพราะเป็นเทคโนโลยี จึงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาได้ยาก และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนแทบตั้งตัวไม่ทัน ถ้าเราลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีโดยคิดว่า แค่เลือกธุรกิจที่ตอนนี้รายได้ดี กระแสเงินสดเป็นบวก โอกาสเติบโตสูง แล้วถือยาวๆ ไป 10-20 ปี โอกาสขาดทุนสูงมาก
เราต้องหมั่นเช็คธุรกิจเทคโนโลยีที่เราถือไว้ ดูงบการเงินทุกๆ ไตรมาส และเตรียมพร้อมที่จะปรับพอร์ตตลอดเวลาหากดูแล้วสถานการณ์ไม่ค่อยดี หากไม่พร้อมที่จะลงทุนหุ้นเทคโนโลยีรายตัวเนื่องจากความเสี่ยงสูงเกินไป เราก็สามารถเลือกลงทุนหุ้นเทคโนโลยีแบบกระจายความเสี่ยงได้ กับกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนรวมดัชนี กองทุน ETF หรือกองทุนส่วนบุคคลที่สามารถปรับนโยบายการลงทุนให้รองรับหุ้นเทคโนโลยี และคอยปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจและเหมาะกับนักลงทุนมีเวลาน้อยในการศึกษาหาข้อมูล
———————————————————————————————————————————————————————————————
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
