“ ค่า Spread คืออะไร เทรด Forex ทำไมต้องดู แล้วมีวิธีคำนวณยังไง ? ”
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกเรื่องและไม่มองข้ามค่า Spread อีกต่อไปครับ
ค่าสเปรด (Spread) เปรียบเสมือนค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ โดยในแต่ละโบรกเกอร์จะมีการให้บริการค่า Spread ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งค่า Spread ถือเป็นต้นทุนที่คุณไม่ควรจะมองข้าม ดังนั้นแล้ว Gotradehere จะขอพาเทรดเดอร์มือใหม่ไปทำความเข้าใจทุกเรื่องเกี่ยวกับค่า Spread เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงจากการสูญเสียต้นทุนการเทรดเกินความจำเป็นครับ
*หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ใช่บทความที่ชักชวนเพื่อการลงทุนแต่อย่างใด เป็นเพียงบทความเพื่อให้ความรู้สำหรับศึกษาเท่านั้น
——————–🐣——————–
ค่าสเปรด (Spread) ในตลาด Forex คืออะไร
ค่าสเปรด หรือ Spread คือ ส่วนต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask เปรียบเสมือนค่าธรรมเนียมแฝงที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมีผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนที่คุณจะได้รับครับ
ราคา Bid Ask ในค่าสเปรด (Spread) คืออะไร
อย่างที่ได้กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่า ค่า Spread เกิดจากส่วนต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask โดยราคา Bid และ Ask มีความหมายที่แตกต่างกัน ดังนี้ครับ
- ราคา Bid หรือราคาเสนอซื้อ คือ ราคาที่ทางโบรกเกอร์เสนอซื้อสินทรัพย์จากเทรดเดอร์
- ราคา Ask หรือราคาเสนอขาย คือ ราคาที่ทางโบรกเกอร์เสนอขายสินทรัพย์แก่เทรดเดอร์
🐔 Note จากไก่ : ทั้ง Bid, Ask หรือแม้แต่ Spread ถือเป็นศัพท์พื้นฐานที่เทรดเดอร์ Forex ควรรู้ก่อนเริ่มเทรดจริงครับ นอกจากนี้ ยังมีคำศัพท์อื่น ๆ ที่เทรดเดอร์ควรศึกษาเพิ่มเติมก่อนเทรดจริง ซึ่งเราได้รวบรวมไว้ให้คุณได้ศึกษาเพิ่มมากกว่า 45 คำครับ
ประเภทของค่าสเปรด (Spread) ในตลาด Forex
ค่าสเปรด (Spread) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ค่า Spread แบบคงที่ (Fixed Spread)
- ค่า Spread แบบลอยตัว (Variable Spread)
ค่าสเปรดแบบคงที่ (Fixed Spread) คืออะไร ?
ค่าสเปรดแบบคงที่ (Fixed Spread) คือ ค่าสเปรดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ตลาด Forex จะเกิดความผันผวน โดยค่าสเปรดประเภทนี้จะถูกกำหนดโดยตัวโบรกเกอร์เอง กล่าวคือ ไม่ว่าราคาในตลาดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือผันผวนมากขนาดไหน ค่าสเปรดที่เทรดเดอร์จะได้รับจะเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงครับ
ข้อดีของค่าสเปรดแบบคงที่ (Fixed Spread)
- ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคำนวณต้นทุนในการเทรดได้ง่าย
- ค่าสเปรดไม่กว้างแม้จะเทรดในช่วงตลาดผันผวน
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ สามารถควบคุม Money Management ได้ง่าย
ข้อเสียของค่าสเปรดแบบคงที่ (Fixed Spread)
- ค่าสเปรดแบบคงที่อาจสูงกว่าค่าสเปรดแบบลอยตัว โดยเฉพาะกับการเทรดในช่วงตลาดปกติ
- มีโอกาสเกิด Requote ได้บ่อย
- ไม่เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดเร็ว เช่น Scalping เป็นต้น เนื่องจากเทรดเดอร์อาจจะต้องเสียต้นทุนไปกับค่าสเปรดที่กว้างจนเกินไป
ค่าสเปรดแบบลอยตัว (Variable Spread) คืออะไร ?
ค่าสเปรดแบบลอยตัว (Variable Spread) คือ ค่าสเปรดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับส่วนต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask ของคู่สกุลเงินที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีปัจจัยมาจากความผันผวนในตลาด Forex ซึ่งโบรกเกอร์จะไม่สามารถเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปลี่ยนแปลงค่า Spread ได้ครับ
ข้อดีของค่าสเปรดแบบลอยตัว (Variable Spread)
- ค่าสเปรดแบบลอยตัวมักแคบกว่าค่าสเปรดแบบคงที่ ในช่วงตลาดปกติ
- ค่าสเปรดแบบลอยตัวไม่มีปัญหาเรื่องการรีโควต (Requote)
- เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ภาพรวมตลาดได้ดีกว่าสเปรดแบบคงที่ เนื่องจากเทรดเดอร์สามารถมองเห็นสภาพคล่องการซื้อขายและความผันผวนของตลาดผ่านความกว้างของค่าสเปรดแบบลอยตัวได้
ข้อเสียของค่าสเปรดแบบลอยตัว (Variable Spread)
- ค่าสเปรดค่อนข้างกว้างในช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวน
- ทำให้คำนวณต้นทุนในการเทรดยาก เนื่องจาก Spread เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
- เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องติดตามการเคลื่อนที่ของราคาอยู่ตลาด เนื่องจากมีผลทำให้ค่าสเปรดเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจกระทบกับต้นทุน, ผลกำไร หรือการขาดทุนของเทรดเดอร์ได้
ความสำคัญของค่าสเปรด (Spread) ในการเทรด Forex
- ค่าสเปรดเปรียบเสมือนต้นทุนแฝงที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ทุกครั้งที่มีการซื้อขาย
- ค่าสเปรดมีผลต่อโดยตรงต่อกำไรหรือขาดทุนของตัวเทรดเดอร์เอง
- ค่าสเปรดช่วยบ่งบอกถึงภาพรวมของตลาดและช่วยวางแผนกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น
- ค่าสเปรดมักจะแคบในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องการซื้อขายที่สูง
- ค่าสเปรดมักจะกว้างในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
- ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเลือกโบรกเกอร์เทรดได้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากโบรกเกอร์มีการให้บริการค่า Spread ที่แตกต่างกันไป เช่น บางโบรกเกอร์ให้บริการ Spread แบบลอยตัวที่ต่ำและเสถียรกว่า หรือบางโบรกเกอร์ให้บริการค่า Spread แบบคงที่ เป็นต้น
ค่าสเปรด (Spread) ดูได้ที่ไหนบ้าง ?
เทรดเดอร์สามารถดูและตรวจสอบค่าสเปรดได้ผ่านโปรแกรมเทรดทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น Web Trade, MetaTrader 4, MetaTrader5 หรือ cTrader เป็นต้น โดยเทรดเดอร์สามารถดูค่าสเปรดได้ที่บริเวณ Market Watch หรือดูผ่าน Chart ที่หน้าโปรแกรมเทรดได้เลยครับ
วิธีคำนวณค่าสเปรด (Spread) ในการเทรด Forex
ค่า Spread สามารถคำนวณได้จากส่วนต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask โดยมีหน่วยพื้นฐานเป็น Pips หลังจากนั้นคุณสามารถคำนวณต้นทุนจำเป็นจะต้องเสียให้แก่โบรกเกอร์ด้วยสูตร Pip Value ดังนี้ครับ
สูตรคำนวณ Spread : ราคา Ask – ราคา Bid
สูตรคำนวณ Pip Value : Pip Value = 1 Pip x Lot Size / อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน
Pip และ Point เกี่ยวกับค่าสเปรด (Spread) อย่างไร ?
Pip / Point หมายถึง หน่วยพื้นฐานสำหรับแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาคู่สกุลเงิน ซึ่งค่าสเปรดจะใช้หน่วยเป็น Pip หรือ Point เป็นหน่วยพื้นฐานเช่นกัน โดยค่า Pip และค่า Point มีจุดที่แตกต่างกัน ดังนี้
- หน่วย Pips จะนับในตำแหน่งที่ 4 สำหรับสกุลเงินทั่วไป (ยกเว้นคู่เงิน JPY จะนับตำแหน่งที่ 2)
- หน่วย Point จะนับในตำแหน่งที่ 5 สำหรับสกุลเงินทั่วไป (ยกเว้นคู่เงิน JPY จะนับตำแหน่งที่ 3)
โดยเทรดเดอร์สามารถแปลงหน่วย Pips เป็น Point ได้ด้วยสูตร ดังนี้
1 Pips มีค่าเท่ากับ 10 Point
ข้อควรระวัง : เนื่องจากบนโปรแกรมเทรดมีการเสนอค่า Spread เป็นหน่วย Point แต่ข้อมูลอื่น ๆ บนหน้าเว็บไซต์จะมีการนำเสนอเป็นหน่วย Pip ดังนั้น เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องตรวจสอบและแปลงหน่วย Point และ Pip ให้เป็น เพื่อป้องกันความสับสนครับ
ตัวอย่างการคำนวณค่า Spread ในการเทรด Forex
จากรูปเราจะทำการคำนวณค่า Spread ของคู่เงิน GBPUSD โดยนำมาแทนค่าลงในสูตรได้ ดังนี้
Spread = 1.32885 – 1.32876
Spread = 0.00009 หรือเท่ากับ 9 point หรือ 0.9 pips นั่นเอง
จากนั้นเราจะทำการแปลงหน่วย Pip ให้เป็นมูลค่าเงินด้วยสูตรของ Pip Value โดยยกตัวอย่างในกรณีที่คุณเปิดออเดอร์ 1 Standard Lot
Pip Value = 1 X 100,000 / 1.32885 = $7.53
ดังนั้น Pip Value สำหรับ 0.9 pips = 0.9 X 7.53 = $6.77
ดังนั้นแล้วส่วนต่างที่เทรดเดอร์จะต้องเสียให้กับโบรกเกอร์เมื่อเทรด GBPUSD จำนวน 1 Standard Lot (Spread) จึงเท่ากับ $6.77 นั่นเอง
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าสเปรด (Spread) ในการเทรด Forex
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อค่า Spread มักเกิดจากปัจจัยภายในตลาด Forex เองที่ก่อให้เกิดความผันผวนของค่า Spread โดยเราได้สรุปออกมาเป็นหัวข้อ ดังนี้
ปัจจัยจากคู่สกุลเงินที่เทรด
คู่เงินที่เทรดเดอร์เลือกเทรดมีผลต่อค่าสเปรดโดยตรง เนื่องจากสภาพคล่องของคู่เงินแต่ละคู่ไม่เท่ากัน รวมถึงอุปสงค์-อุปทานที่ไม่เท่ากันของแต่ละคู่เงิน จะส่งผลให้ค่า Spread กว้างขึ้นได้นั่นเอง อาทิเช่น
- กรณีคุณเทรดเดอร์ในกลุ่มคู่เงินหลัก (Major Currency) : คู่เงินประเภทนี้จะมีค่า Spread ที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากมีสภาพคล่องการซื้อขายที่สูง เนื่องจากความต้องการสูง
- กรณีคุณเทรดเดอร์ในกลุ่มคู่เงินใหม่ (Exotic Currency) : คู่เงินประเภทนี้จะมีค่า Spread ที่ค่อนข้างกว้าง เนื่องจากมีสภาพคล่องการซื้อขายที่ต่ำ และความต้องการน้อย
ปัจจัยจากสภาพคล่องการซื้อขายในตลาด
อย่างที่ได้กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้าว่า สภาพคล่องมีผลต่อค่าสเปรด ยิ่งคู่เงินที่มีความต้องการและมีสภาพคล่องการซื้อขายสูงคู่เงินเหล่านั้นจะมีค่า Spread ที่ค่อนข้างต่ำ กลับกัน หากคู่เงินที่เลือกเทรดมีความต้องการซื้อขายที่ต่ำ จะส่งผลให้สภาพคล่องการซื้อขายต่ำตามไปด้วย ค่า Spread ของคู่เงินเหล่านั้นก็จะสูงนั่นเอง
ปัจจัยจากเวลาเปิด-ปิดของตลาด Forex
ช่วงเวลาที่ตลาดหลักเปิด (อาทิเช่น ตลาดนิวยอร์ก หรือ ตลาดลอนดอน) มักเป็นช่วงที่ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องของตลาดค่อนข้างสูง ส่งผลให้ค่า Spread ณ ช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างต่ำกว่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ตลาดหลักปิด
ปัจจัยจากความผันผวนของตลาด Forex
ในช่วงเวลาที่ตลาด Forex เกิดความผันผวน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก การประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ, การประกาศนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง หรือเหตุการณ์ทางการเมือง เป็นต้น โดยเหตุการณ์เหล่านี้มีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดของกลุ่มเทรดเดอร์ บางคนมองว่าเป็นโอกาสในการทำกำไร บ้างก็มองว่าเป็นความเสี่ยง ส่งผลให้ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ตลาด Forex จะมีความผันผวนสูง ส่งผลให้ค่า Spread ณ ช่วงเวลานั้นจะสูงกว่าการเทรดในช่วงเวลาปกติ
ค่าสเปรด (Spread) แบบไหนถึงดีสำหรับเทรดเดอร์ ?
สำหรับเทรดเดอร์การประหยัดต้นทุนและการได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นคือสิ่งที่เทรดเดอร์หลายคนต้องการ ดังนั้นแล้ว ค่าสเปรดแบบไหนถึงดี ? คำตอบคือ ค่าสเปรดที่ต่ำครับ เนื่องจากค่าสเปรดถือเป็นต้นทุนที่เทรดเดอร์จะต้องเสียให้กับโบรกเกอร์ หากคุณต้องเสียค่าสเปรดที่สูงเกินความจำเป็น อาจส่งผลต่อผลกำไรที่น้อยลงหรือขาดทุนที่มากขึ้นของตัวเทรดเดอร์เองครับ
โบรกเกอร์ Forex ค่าสเปรด (Spread) ต่ำดียังไง ?
ค่าสเปรดต่ำคือคำตอบที่เทรดเดอร์หลายคนกำลังตามหา โดยเทรดเดอร์จำเป็นจะต้องเลือกใช้บริการกับโบรกเกอร์เทรด Forex สเปรดต่ำ ซึ่งจะช่วยให้คุณลดต้นทุนในการเทรด เพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น และลดความเสี่ยงจากการขาดทุนที่มากเกินไป โดยเราได้รวบรวมคุณสมบัติของโบรกเกอร์ Forex สเปรดต่ำที่ควรมี ให้คุณได้ใช้เพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี ดังนี้ครับ
- ค่าสเปรดต่ำและแคบ
- ค่าสเปรดสอดคล้องกับกลยุทธ์การเทรด
- ค่าสเปรดโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
- ค่าสเปรดแบบคงที่หรือแบบลอยตัว แต่ต้องมีเงื่อนไขชัดเจน ไม่ปรับเพิ่มหรือลดเพื่อเอาเปรียบเทรดเดอร์ เป็นต้น
ตัวอย่างค่าสเปรดในแต่ละโบรกเกอร์เทรด Forex
คู่เงินหลัก | IUX | Exness | XM |
EURUSD | 0.8 pips | 0.9 pips | 2.0 pips |
GBPUSD | 0.9 pips | 1.1 pips | 2.4 pips |
NZDUSD | 1.5 pips | 1.8 pips | 2.9 pips |
USDCHF | 1.2 pips | 1.3 pips | 2.6 pips |
USDJPY | 0.9 pips | 1.0 pips | 2.5 pips |
*หมายเหตุ : นำเสนอข้อมูลจากบัญชีประเภท Standard บนหน้าเว็บไซต์ของแต่ละโบรกเกอร์ เนื่องจากเป็นประเภทบัญชีที่มีการใช้งานมากที่สุด
🐔 ความคิดเห็นจากไก่ : จากตารางเปรียบเทียบค่า Spread ของแต่ละโบรกเกอร์ จะเห็นว่า ในแต่ละโบรกเกอร์มีการให้บริการค่า Spread ที่แตกต่างกันออกไป บางโบรกคิดค่า Spread ต่ำ หรือบางโบรกเกอร์คิดค่า Spread ในระดับปานกลางหรือไม่สูงจนเกินไป ซึ่งเทรดเดอร์จะต้องไม่ลืมคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากค่า Spread อาทิเช่น ค่า Commission, ค่า Swap หรือค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอนอื่น ๆ ก็มีผลต่อต้นทุนของเทรดเดอร์เองเช่นกันครับ
——————–🐣——————–
แนะนำโบรกเกอร์เทรด Forex สเปรดต่ำ ปี 2025
สำหรับเทรดเดอร์ที่อ่านมาถึงตรงนี้และกำลังมองหาโบรกเกอร์เทรด Forex สเปรดต่ำ เราได้รวบรวมและจัดอันดับ 5 โบรกเกอร์ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ สเปรดต่ำและค่าธรรมเนียมถูก ประจำปี 2025 คุณสามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ
——————–🐣——————–
แนะนำบัญชี Zero/Raw/Pro Spread Account คืออะไร น่าใช้ไหมในปี 2025
เทรดเดอร์หลายคนที่กำลังเริ่มต้นเทรด Forex อาจจะเคยคุ้นหน้าคุ้นตากับคำว่า Zero Account, Raw Account หรือ Pro Account กันมาบ้าง เพราะคำเหล่านี้มักจะปรากฏอยู่บนหน้าของประเภทบัญชีที่โบรกเกอร์ให้บริการ โดยจุดเด่นหลักของบัญชีเหล่านี้คือ การให้บริการโดยคิดค่า Spread ที่ต่ำมาก ๆ หรือไม่มีการคิดค่า Spread เลย แต่ทั้ง 3 ประเภทบัญชีก็มีจุดที่แตกต่างกันออกไปและเทรดเดอร์จำเป็นจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี ดังนี้ครับ
ความแตกต่างระหว่างบัญชี Zero, Raw และ Pro Spread Account
คุณสมบัติบัญชี | Zero Account | Raw Account | Pro Account |
ค่า Spread เริ่มต้น | เริ่มที่ 0.0 pips | เริ่มที่ 0.0 pips | เริ่มที่ 0.1 pips |
สินทรัพย์ที่ใช้งานได้ | ใช้ได้กับบางสินทรัพย์ | ใช้ได้กับทุกสินทรัพย์ | ใช้ได้กับทุกสินทรัพย์ |
ค่า Commission | เริ่มต้นประมาณ $1 per lot | เริ่มต้นประมาณ $3 per lot | ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์กำหนด |
จำนวนเงินฝากขั้นต่ำ | สูงถึง $1000 | สูงถึง $1000 | สูงถึง $1000 |
🐔 Note จากไก่ : ทั้ง 3 ประเภทบัญชีมีจุดเด่นในการให้บริการคือ ค่า Spread ที่ต่ำมาก ๆ แต่แลกมากับการที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องเสียค่า Commission สำหรับการใช้งานบัญชีประเภทนี้แก่โบรกเกอร์ นอกจากนี้ ในแต่ละประเภทบัญชียังมีข้อจำกัดการใช้งานที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเติม อาทิเช่น สามารถใช้งานกับสินทรัพย์ใดได้บ้าง, จำกัดการใช้ Leverage เท่าไหร่ หรือเงื่อนไขการวาง Margin เป็นต้น ซึ่งบัญชีประเภทสเปรดต่ำอาจจะยังไม่ตอบโจทย์กับเทรดเดอร์มือใหม่มากนัก เพราะเทรดเดอร์จำเป็นจะต้องใช้ต้นทุนที่สูงและมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดที่เยอะ อาจจะตอบโจทย์กับเทรดเดอร์มืออาชีพมากกว่านั่นเอง
สรุปเกี่ยวกับค่าสเปรด (Spread) คืออะไร สำคัญอย่างไรกับเทรดเดอร์ Forex
ค่าสเปรด (Spread) คือ ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) เปรียบเสมือนค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องเสียให้กับโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ ซึ่งค่าสเปรดถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากกับเทรดเดอร์ Forex เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับต้นทุนของตัวเทรดเดอร์โดยตรง และยังส่งผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนของตัวเทรดเดอร์เองด้วย ดังนั้นแล้ว เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ให้บริการค่าสเปรดต่ำ เพื่อช่วยลดต้นทุนในการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นหรือลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินทุนเกินความจำเป็นไปกับค่าสเปรดนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด ทีมงาน Gotradehere หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นเทรด Forex นอกจากนี้ คุณควรศึกษาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมและบริหารความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง