สิ้นสุดการรอคอย! เมื่อ ETH (Ethereum) สามารถอัปเดต The Merge ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2022 ที่ผ่านมา โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในโลกคริปโตฯ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 6 ปี
ข่าวนี้ได้แพร่ออกไปเมื่อ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้ประกาศบน Twitter ส่วนตัวของเขาว่า “นี่เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับระบบนิเวศ Ethereum”
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ คือ การเปลี่ยนจากระบบกลไก Proof-of-Work (PoW) ให้กลายเป็น Proof-of-Stake (PoS) ทำให้ Ethereum ไม่สามารถขุดเหรียญได้อีกต่อไป แต่ต้องทำการซื้อเหรียญแล้วนำไป Lock Stake เหรียญแทน หลังจากมีการประกาศอย่างเป็นทางการ ทำให้ราคาเหรียญ Ethereum เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,635 ดอลลาร์สหรัฐฯ ณ ขณะนั้น
อันดับแรกเราทำความรู้จักคำว่า “The Merge” คืออะไร?
The Merge เป็นการรวมร่างระหว่าง 2 บล็อกเชน ได้แก่ บล็อกเชนที่ Ethereum ใช้ในอดีตที่เป็น Proof-of-Work นำมาผสมกับ Beacon Chain (เครือข่ายอิสระที่มีการใช้กลไก Consensus แบบ Proof-of-Stake เต็มรูปแบบ) ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาสำหรับการนำเหรียญมา Stake โดยเฉพาะ ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้ Ethereum ไม่สามารถขุดได้อีกต่อไปอย่างที่กล่าวไปข้างต้น
โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เนื่องมาจาก Ethereum มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีจำนวนธุรกรรมพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมและการใช้พลังงานสูงขึ้นอย่างมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องนำ Proof-of-Stake เข้ามาใช้
Pos (Proof-of-Stake) ดีอย่างไร?
- สามารถประมวลผลการทำธุรกรรมได้จำนวนมากต่อวินาที ที่สำคัญยังใช้พลังงานน้อยกว่าระบบเดิมอย่างมหาศาล
- ช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงานได้มากกว่า 90%
- ลดการรวมศูนย์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าร่วมได้สูงขึ้น จึงทำให้เครือข่ายเกิดความกระจายศูนย์มากขึ้นตามไปด้วย
- สามารถเพิ่มปริมาณธุรกรรมได้ด้วย Sharding
- ลดอุปสรรคในการสร้างบล็อกใหม่ในเครือข่าย
ทิศทาง Ethereum ในอนาคต
หลังจากการทำ The Merge อัตราเงินเฟ้อประจำปีของ Ethereum จะเปลี่ยนไปจาก 4.3% เป็น 0.43% และการออกเหรียญใหม่อาจลดลงประมาณ 90% จากการที่เหรียญถูกนำไป Stake มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะเหรียญ Ethereum ฝืดในอนาคต ถ้าหากเป็นไปตามนี้ ราคาของ Ethereum จะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น Brian Pasfield ผู้บริหาร Fringe Finance ได้กล่าวว่า “The Merge จะช่วยกระตุ้นราคาของ Ethereum และแรงกระตุ้นได้ถูกส่งไปยังตลาดเรียบร้อยแล้ว”
ในทางตรงกันข้าม Gareth Soloway นักลงทุนที่มีผู้ติดามใน Twitter มากกว่า 154,000 ราย ได้ออกมาแย้งว่า “การซื้อ Ethereum ในตอนนี้มีความเสี่ยงสูง และอาจได้เห็นราคา Ethereum ร่วงอย่างคาดไม่ถึง เพราะไม่มีอะไรยืนยันว่า The Merge จะไปได้ด้วยดี”
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ย่อมส่งผลดีต่อราคาเหรียญในระยะยาว สังเกตได้จากราคาพุ่งขึ้นมากกว่า 30% หลังจากการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ข้อจำกัด คือ ยังไม่สามารถลดค่าแก๊สได้ เพราะการพัฒนาครั้งนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงกลไกจากเดิมเท่านั้น อีกทั้ง คริปโตฯ ยังถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนลงทุน
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker