กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ ในบทความนี้ เราจะพาย้อนกลับไปดูสาเหตุของการขาดทุนกันบ้างว่า ประเด็นหลัก ๆ ที่นักลงทุนชอบขาดทุนนั้นเกิดจากอะไร ทำไมเงินในพอร์ตพวกเขาถึงลดลงไม่หยุดสักที ผมจึงคัด 2 ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนมือใหม่หลายท่านมองข้าม หรือนักลงทุนมือเก่าอาจจะหลงลืมมันไปบ้าง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทบทวน 2 ข้อควรรู้ก่อน ลงทุนใน Crypto ครับ
ส่วนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มศึกษาข้อมูลแล้วได้กดเข้ามาอ่านในบทความนี้ ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่น้อยที่ท่านจะได้เตรียมตัวป้องกันเงินในพอร์ตตัวเองไว้ก่อนครับ เพราะปี 2564 ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า ราคาของ Crypto เพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้หลาย ๆ คนหันมาสนใจในการซื้อขาย Crypto มากขึ้น แต่พอมาปี 2565 นี้ แนวโน้มของราคา Crypto กลับวิ่งสวนทางต่างจากปีที่แล้วมาก เป็นเหตุที่ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
ดังนั้น ผมจึงได้เขียนบทความเกี่ยวกับวิธีป้องกันที่ทุกคนควรรู้ก่อน ลงทุนใน Crypto ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยครับ
2 ข้อควรรู้ก่อนลงทุนใน Crypto
ก่อนอื่นเลย คุณต้องเข้าใจความรู้พื้นฐานในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลว่า สินทรัพย์ดิจิทัลมีกี่ประเภท มีหลักการทำงานคร่าว ๆ อย่างไร รวมถึงต้องเข้าใจระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างเช่น Decentralized Finance (DeFi) และเข้าใจเทคโนโลยีที่เป็นเบื้องหลังอย่าง Blockchain ด้วยยิ่งดีเข้าไปอีก
เพราะความรู้พื้นฐานที่คุณได้เข้าใจนั้น จะเป็นการป้องกันความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง ส่วน 2 ข้อควรรู้ก่อน ลงทุนใน Crypto นี้ ผมจะเน้นไปที่พฤติกรรมของนักลงทุนมากกว่า ถ้าคุณมั่นใจว่า คุณมีความรู้พื้นฐานในสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ก็มาดูกันต่อได้เลยครับ
สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ คือ โลกของการลงทุนใน Crypto นั้น มีการปั่นราคาอย่างรุนแรง หากคุณเคยลงทุนในหุ้นมาแล้วก็คงจะเข้าใจดี ซึ่งเป็นการที่เจ้าในตลาดนั้นสร้างมูลค่าขึ้นมา หรือที่เราเรียกว่า “การลากขึ้นไปเชือด” (Pump and Dump) นั่นเองครับ
1. รู้จักการปั่นราคา Crypto ก่อนลงทุนใน Crypto
สามารถปั่นได้โดยเลือกสกุลเงินดิจิทัลที่มีสภาพคล่องต่ำ มีการซื้อขายน้อย พร้อมกับปั่นกระแสข่าวว่า เหรียญนี้มีโอกาสเติบโต มีโปรเจกต์นั่นนี่มากมาย หรือมีนักลงทุนรายใหญ่ (วาฬ) ให้ความสนใจ ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าแบบปลอม ๆ ขึ้นมาครับ
ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่อง หรือมือใหม่อย่างเรา ๆ ที่ยังไม่ได้เอะใจไปหลงเชื่อ แล้วรีบช้อนซื้อเหรียญนี้เก็บไว้ เพราะถ้าไม่ซื้อเก็บไว้จะเสียโอกาสในการทำกำไร
แต่ในความเป็นจริง เมื่อนักลงทุนรายย่อยกระโดดเข้าไปซื้อเหรียญมากพอสมควรแล้ว คนที่ปั่นกระแสก็พึงพอใจระดับหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นจะเริ่มทำการเทขายเหรียญออกมา จนทำให้มูลค่าของเหรียญ Crypto นั้น ๆ ร่วงกลับมาที่ราคาที่ควรจะเป็นอีกครั้ง
ส่วนผู้ที่หลงเชื่ออีกหลายคน ก็เกิดการ “ติดดอย” ไปนั่นเองครับ จากที่กล่าวมานี้ เป็นข้อแรกที่เราควรเข้าใจ และควรระวังก่อนลงทุนใน Crypto ครับ
วิธีป้องกันจากการปั่นราคา
แน่นอนว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลล้วนมีความผันผวนด้านราคามาก ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่ใจในการทำงานของธุรกิจที่เป็นเบื้องหลังของสินทรัพย์ดิจิทัลตัวนั้น ๆ ทำให้เกิดความเสี่ยงสูง และเกิดการปั่นราคากันได้ง่าย ผมจึงได้นำวิธีป้องกันจากการปั่นราคา มาให้ทุกท่านได้นำไปเป็นเกราะป้องกันพอร์ตของตัวเอง ดังนี้ครับ
- ควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจโปรเจกต์ หรือการอ่าน Whitepaper ที่เป็นเป็นเอกสารการพัฒนาโปรเจกต์นั้นให้ดีก่อนลงทุนใน Crypto เพื่อช่วยให้เข้าใจในเทคโนโลยีที่กำลังจะลงทุน
- ควรติดตามข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่เสมอ รวมถึงข่าวการหลอกลวง หรือชักชวนให้ลงทุนใน Crypto จากมิจฉาชีพ เพื่อให้รู้เท่าทัน
- ควรตรวจสอบข้อมูล ผู้ประกอบธุรกิจ หรือตรวจสอบข้อมูลเจ้าของโปรเจกต์เหรียญที่ได้รับอนุญาต ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
- ที่สำคัญ คือ ควรแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนให้เหมาะสม และกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปหลาย ๆ สินทรัพย์ ทั้งนี้ เงินที่นำมาลงทุนก็ควรเป็นเงินเย็น และพร้อมที่จะสูญเสียเงินต้น หรือรับผลขาดทุนให้ได้ครับ
2. การเชิดเงินหนี หรือเหตุการณ์ Rug Pull
Rug Pull เป็นอีกหนึ่งกรณีที่นักลงทุนล้วนไม่อยากเจอ มักจะเอาไว้เรียกเหตุการณ์ที่นักลงทุนถูกเจ้าของโปรเจกต์เทขายเหรียญแล้วเชิดเงินหนี หรือถูกเจ้าของแพลตฟอร์ม DeFi ปิดแพลตฟอร์มหนีครับ
ความหมายของคำว่า Rug Pull จริง ๆ แปลตรงตัวได้ว่า “การดึงพรม” เปรียบเสมือนเหตุการณ์ที่นักลงทุนล้มทั้งยืน! โดยหลักการที่ใช้หลอกนักลงทุน จะแบ่งได้เป็น 3 วิธี คือ
- การดึงสภาพคล่อง หรือการดึงเงินออกจากระบบ
- การเขียน Code เพื่อ Lock ไม่ให้นักลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญได้
- การสแกมเงินใน Wallet ของนักลงทุน รวมถึงการเขียน Code เพื่อแฮ็กกระเป๋าเงินของนักลงทุน ซึ่งไม่ว่าคุณจะถูก Rug Pull ด้วยวิธีการใด ก็ไม่สามารถตามเงินกลับคืนมาได้ครับ
วิธีป้องกันจากการ Rug Pull Crypto
สำหรับวิธีป้องกันพอร์ตจากการ Rug Pull ที่เราสามารถสำรวจตัวเองง่าย ๆ ก่อนเข้าลงทุน ทำได้ดังนี้ครับ
- ดูจากสภาพคล่องในตลาด โดยโปรเจกต์ที่ดีควรมีสภาพคล่องที่สูงระดับหนึ่ง รวมถึงมีการเปิดเผยข้อมูลสภาพคล่องของเหรียญ หรือข้อมูลแพลตฟอร์มให้ผู้ลงทุนได้รับทราบด้วย
- ดูจากความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาว่า เจ้าของโปรเจกต์มีตัวตนหรือไม่ ผู้พัฒนาเคยทำอะไรมาบ้าง หรือเคยมีส่วนร่วมกับโปรเจกต์อื่น ๆ หรือไม่
- ดูจากความน่าเชื่อถือของ Community เช่น การสังเกตพฤติกรรมการพูดคุย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้ลงทุนในกลุ่ม การคุยกันอย่างสร้างสรรค์ หากมีผู้ลงทุนสงสัยเกี่ยวกับโปรเจกต์ เจ้าของโปรเจกต์ต้องสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้
- ดูความเหมาะสมของผลตอบแทน เช่น แพลตฟอร์ม DeFi บางโปรเจกต์อาจเสนออัตราผลตอบแทนในระดับที่สูงเกินจริง เพื่อจูงใจให้นักลงทุนนำเงินเข้ามาใส่ในแพลตฟอร์ม เช่น อัตราผลตอบแทนต่อปี (APY) 100% ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเป็นไปได้ยากมากครับ
- สุดท้าย คือ ดูจากความน่าเชื่อถือของ Code ซึ่งอาจจะทำได้ยาก เพราะต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเขียน Code ซึ่งผู้ลงทุนอาจใช้วิธีการเลือกลงทุนในเหรียญที่ได้รับการตรวจสอบ Code Audit จากบริษัทผู้ตรวจสอบ (Auditor) ที่น่าเชื่อถือก็ได้ครับ
การหลอกลวงด้วยวิธีการที่ยกมาข้างต้น ผู้ใช้งานจะต้องตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เพราะไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด สิ่งสำคัญที่สุด คือ “การหาข้อมูล” ครับ
อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยี หรือการลงทุน ผมได้เขียนบทความไว้อีกมากมาย เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านใน Knowledge Blogs กันแบบฟรี ๆ แล้วพบกันใหม่ในบทความถัดไป ขอบคุณครับ
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่: News