เบื้องหลังทุกความเคลื่อนไหวของค่าเงิน คือพลังทางเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่ เรียนรู้การอ่านสัญญาณเหล่านี้ และเริ่มเทรด Forex ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า “Fundamental Analysis” มาติดตามได้ในบทความนี้ครับ
หนึ่งในเทคนิคการเทรด Forex ที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรศึกษาและทำความเข้าใจ คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เนื่องจากตลาด Forex ถือเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง และมีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาคู่เงินในตลาด ดังนั้นแล้ว เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดหรือลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาด การทำความเข้าใจกับเทคนิค Fundamental Analysis คือสิ่งสำคัญและเราอยากนำเสนอให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติมในบทความนี้ครับ
——————–🐣——————–
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) คืออะไร ?
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือ Fundamental Analysis (FA) คือ การวิเคราะห์และประเมินถึงมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ (Intrinsic Value) โดยวิเคราะห์จากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อาทิเช่น เศรษฐกิจ, ตัวเลขทางการเงิน หรือข่าวทางการเมือง เป็นต้น
ดังนั้นแล้ว สำหรับตลาด Forex การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อค่าเงินในตลาด Forex นั่นเองครับ
ความสำคัญของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในตลาด Forex
เนื่องจากตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่มีความผันผวนสูง เนื่องจากมีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินในแต่ละประเทศ ดังนั้น หากเทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของค่าเงินในแต่ละประเทศจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดและมองเห็นภาพรวมของตลาด Forex ได้ดียิ่งขึ้นครับ
หลักการพื้นฐานของ Fundamental Analysis ในการเทรด Forex
สำหรับการวิเคราะห์ Fundamental Analysis ในการเทรด Forex มีหัวใจสำคัญอยู่หนึ่งอย่างคือ “การเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจและค่าเงินในแต่ละประเทศ” โดยเราสามารถตีความง่าย ได้ ดังนี้
- ประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มีนโยบายหรือแผนพัฒนาที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงการมีเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง อาจส่งผลให้ค่าเงินในประเทศแข็งค่า
- ประเทศที่เศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงถดถอยหรือตกต่ำ เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ หรือไม่มีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ดีพอสำหรับรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้ค่าเงินในประเทศอ่อนค่า
นอกจากนี้ สำหรับการเทรด Forex จะต้องไม่ลืมวิเคราะห์ค่าเงินทั้ง 2 ค่า เนื่องจากในตลาด Forex จะซื้อขายสกุลเงินกันเป็นคู่ เช่น EURUSD, USDJPY หรือ GBPUSD ส่งผลให้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจำเป็นต้องเปรียบเทียบกันว่าสกุลเงินใดมีความแข็งแกร่งกว่านั่นเอง
💭 ยกตัวอย่างเช่น :
สมมุติว่า ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลง กลับกันทางฝั่งของสหรัฐอเมริกามีตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีเกินคาดการณ์ ส่งผลให้ค่าเงินในประเทศแข็งค่าขึ้น ดังนั้นแล้ว คู่เงิน USDJPY มีราคาเพิ่มสูงขึ้นจากค่าเงิน USD ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ JPY ที่อ่อนค่าลงนั่นเองครับ
ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ใช้สำหรับวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือที่เรามักจะเรียกกันว่าข่าวแรง Forex คือหนึ่งในสิ่งที่เราจะนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (FA) เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะบ่งบอกถึง ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศ, ปัญหาทางด้านการเงินภายใน, ความสามารถในการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่นโยบายทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางของค่าเงินภายในประเทศได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่เทรดเดอร์ควรติดตาม มีดังนี้
อัตราดอกเบี้ยและนโยบายทางการเงิน
การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายทางการเงินเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อค่าเงินภายในประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สามารถกำหนดค่าเงินว่าจะให้แข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงผ่านการปรับเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศ โดยมีหลักการดังนี้
- หากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จะดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
- หากอัตราดอกเบี้ยลดลง ความต้องการในสกุลเงินจากกลุ่มนักลงทุนในต่างประเทศก็จะลดลงตามด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
ดังนั้นแล้ว หากประเทศ A มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศ B จะส่งผลให้การซื้อขายในคู่สกุลเงิน AB มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากค่าเงินในประเทศ A มีแนวโน้มที่จะแข็งค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับค่าเงินในประเทศ B นั่นเอง โดยผู้ที่จะเป็นคนกำหนดนโยบายทางการเงินและอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศจะเป็นหน้าที่ของ “ธนาคารกลาง” นั่นเอง
ธนาคารกลางที่มีบทบาทสำคัญต่อค่าเงินในตลาด Forex
- ธนาคารกลาง FED : ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินสำหรับสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งถือว่ามีผลกระทบกับค่าเงิน Forex มากที่สุด เนื่องจากเป็นสกุลเงินหลักที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาด
- ธนาคารกลาง ECB : ธนาคารกลางในฝั่งของยูโรโซน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินสำหรับสกุลเงินยูโร
- ธนาคารกลาง BOJ : ธนาคารกลางของประเทศญี่ปุ่น ทำหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินสำหรับสกุลเงินเยน ขึ้นชื่อในเรื่องการแทรกแซงตลาด Forex
- ธนาคารกลาง BOE : ธนาคารกลางของกลุ่มสหราชอาณาจักร ทำหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินสำหรับสกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิง
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศ
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อค่าเงินในประเทศโดยตรง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจะแสดงถึงศักยภาพของค่าเงินที่ลดลง ณ ช่วงเวลานั้น กล่าวคือจำนวนเงินเท่าเดิมแต่สามารถซื้อสินค้าได้น้อยลงนั่นเอง ดังนั้นแล้ว ธนาคารจะเข้ามาแทรกแซงโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจและควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะช่วยให้ค่าเงินในประเทศแข็งค่านั่นเอง
โดยตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อในประเทศ ได้แก่ Producer Price Index (PPI) และ Consumer Price Index (CPI) ทั้งสองคือดัชนีที่ใช้วัดระดับของราคาสินค้าที่ผู้ผลิตจัดจำหน่าย (PPI) และวัดระดับราคาสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อ (CPI) หากตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นอาจหมายความว่าราคาสินค้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดปัญหาเงินเฟ้อได้ ทำให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางและวิเคราะห์ทิศทางของค่าเงินได้นั่นเอง
ตัวเลขตลาดแรงงานภายในประเทศ
ตลาดแรงงานถือเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงภาพรวมภายในประเทศ หากภายในประเทศมีตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น หรือจำนวนผู้ว่างงานลดลง มักแสดงให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและแข็งค่าขึ้นนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วสภาพเศรษฐกิจที่มีจำนวนการว่างงานต่ำมักจะส่งผลดีต่อค่าเงินด้วยเช่นกัน
โดยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ช่วยบ่งบอกถึงสภาพตลาดแรงงานภายในประเทศ คือ
- ตัวเลขอัตราการว่างงานภายในประเทศ (Unemployment Rate)
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non-Farm Payrolls)
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Unemployment Claim)
สำหรับ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือข่าวแรง Forex สามารถติดตามได้ผ่านปฏิทินเศรษฐกิจหรือเว็บไซต์ข่าว Forex นั่นเอง อาทิเช่น Forex Factory, Investing.com หรือ Bloomberg เป็นต้น โดยปฏิทินเศรษฐกิจที่เทรดเดอร์นิยมใช้กันมากที่สุด ณ ปัจจุบันคือ Forex Factory นั่นเอง หากใครต้องการศึกษาวิธีใช้งาน Forex Factory สามารถอ่านต่อได้ในบทความด้านล่างนี้เลยครับ
📓 คู่มือลับ : สอนใช้ Forex Factory พร้อมเทคนิควิเคราะห์ข่าว
ปัจจัยทางการเมืองที่มีผลต่อการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การเมืองภายในประเทศมีผลต่อค่าเงินและความผันผวนของตลาด Forex และถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ใช้สำหรับวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมักจะส่งผลต่อภาพรวมระยะยาวของเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ ความขัดแย้งหรือวิกฤตการณ์โลก เช่น สงคราม, ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด ก็สามารถส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในระดับรุนแรงได้เช่นกัน โดยปัจจัยทางการเมืองและวิกฤตการณ์ต่าง ๆ จะส่งผลต่อค่าเงินด้วยสาเหตุหลัก ดังนี้
- ความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน : เมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น การเลือกตั้งหรือการทำรัฐประหาร โดยกลุ่มนักลงทุนมักจะเกิดความไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจภายในประเทศหรือความไม่มั่นคงของนโยบายในอนาคต ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากกว่า เช่น ทองคำ พันธบัตร หรือค่าเงินที่แข็งค่ากว่า ส่งผลให้ค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลง
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงิน : การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงินมักมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือวิกฤตการณ์ ส่งผลให้การปรับนโยบายแบบทันทีเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน ส่งผลให้ตลาด Forex เกิดความผันผวน
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการค้า : ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศมักส่งผลให้บางประเทศมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้า เช่น การคว่ำบาตรหรือสงครามการค้าระหว่างประเทศ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมักส่งผลให้ตลาด Forex เกิดความผันผวนครับ
- ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเมือง เช่น การเลือกตั้ง, สงคราม, ภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่โรคระบาด เป็นต้น
ดังนั้นแล้ว นอกจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องติดตามแล้ว ข่าวสารทางการเมืองก็มีความสำคัญต่อการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเช่นกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อค่าเงินและภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศ แล้วข่าวไหนบ้างที่เทรดเดอร์ควรติดตาม ? เราได้ทำการรวบรวมข่าวแรง Forex ให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติม คลิกที่ปุ่มด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ข้อควรระวังของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Fundamental Analysis
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Fundamental Analysis มีข้อจำกัดที่เทรดเดอร์ควรระวัง คือ ตลาด Forex อาจตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐานช้าหรือไม่ตอบสนองเลยก็ว่าได้ หรือในบางครั้งตัวเลขแนวโน้มการคาดการณ์อาจไม่ตรงกับตัวเลขที่มีการประกาศจริง ส่งผลให้เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องปรับกลยุทธ์การเทรดแบบฉับพลันเพื่อป้องกันความเสี่ยง นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
🐔 Note จากไก่ : การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Fundamental Analysis มีความยากที่เทรดเดอร์ควรพิจารณาเพิ่มเติมและควรระวัง ดังนี้
📍 การตีความข้อมูลผิดพลาด โดยเฉพาะกับข่าวที่มีความซับซ้อนหรือมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมาก
📍 การให้น้ำหนักกับตัวชี้วัดใดตัวชี้วัดหนึ่งมากเกินไป อาจส่งผลให้การวิเคราะห์คลาดเคลื่อนได้
📍 การมองข้ามปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีความสำคัญ อาจทำให้การตีความหรือการวิเคราะห์คลาดเคลื่อนได้
ดังนั้น เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ให้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยการหาความรู้และประสบการณ์จริง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของคุณให้ดียิ่งขึ้นครับ
สรุปเรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ในการเทรด Forex
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) คืออีกหนึ่งวิธีที่เทรดเดอร์นิยมใช้เพื่อวิเคราะห์ภาพรวมตลาด Forex เพื่อค้นหาแนวโน้มทิศทางราคาคู่สกุลเงินจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เช่น ภาพรวมเศรษฐกิจ, ข่าวสารการเมือง หรือวิกฤตการณ์โลก โดยปัจจัยเหล่านี้ จะส่งผลให้ค่าเงินภายในประเทศเปลี่ยนแปลงและเกิดผลกระทบต่อราคาคู่เงินในตลาด Forex ทำให้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและติดตามข่าวเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้ามครับ
แต่อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็มีข้อจำกัดที่เทรดเดอร์ควรระวังและต้องอาศัยเทคนิคในการวิเคราะห์ให้แม่นยำมากที่สุด ดังนั้นแล้ว เทรดเดอร์ควรศึกษาและใช้เครื่องมืออื่น ๆ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง, Indicator และการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาด Forex ครับ