รู้จักกับ REITs ตัวเลือกการลงทุนในอสังหาฯ ที่นักลงทุนมือใหม่สามารถเข้าถึงได้แม้จะมีงบจำกัด
REITs หรือ กองทุนทรัสต์ คืออีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถเข้าถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท แต่สามารถสร้าง Passive Income ให้คุณได้อย่างต่อเนื่อง แล้ว REITs คืออะไร มือใหม่จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไร ติดตามแบบละเอียดได้ในบทความนี้ครับ
REITs คืออะไร ?
REITs (Real Estate Investment Trusts) หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ คือ การลงทุนรูปแบบหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกับกองทุนรวม โดย REITs จะทำการรวบรวมเงินจากนักลงทุน เพื่อนำไปลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น อาคาร, ตึกสำนักงาน, โรงแรม, คลังสินค้า หรือแม้แต่ห้างทรัพย์สินค้า เป็นต้น แล้วนำรายได้ที่เกิดขึ้นจากการลงทุน เช่น ค่าเช่า ค่าบริการสถานที่ หรือกำไรจากการขาย มาจ่ายเป็นเงินปันผลแก่นักลงทุนครับ
หรืออธิบายแบบง่าย ๆ และเห็นภาพ คือ กองทรัสต์ก็เหมือนกับการที่คุณและเพื่อนรวมเงินกันซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า และนำรายได้จากการปล่อยเช่ามาแบ่งกันนั่นเองครับ
REITs มีโครงสร้างการทำงานยังไง?

REITs ทำงานโดยระดมเงินทุนจากนักลงทุนผ่านการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (หน่วยกองทุน) แล้วนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ โดยสามารถแบ่งโครงสร้างและกลไกการทำงาน ดังนี้
- REITs มีสถานะเป็น “กองทรัพย์สิน” ที่ Trustee ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลและตรวจสอบผลประโยชน์ของนักลงทุน
- มีผู้จัดการกองทรัสต์ (REITs Manager) ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลการลงทุน กำหนดแผนกลยุทธ์ รวมถึงดูแลจัดการด้านผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ
- นักลงทุนจะต้องได้รับเงินปันผลตอบแทนอย่างน้อย 90% ของกำไรสุทธิ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)
- นักลงทุนสามารถซื้อ-ขายหน่วย REITs ได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์เหมือนกับหุ้นทั่วไป
- โดยนักลงทุนจะครอบครองสินทรัพย์ได้ในรูปแบบของกรรมสิทธิ์โดยตรง (Freehold) หรือสิทธิการเช่า (Leasehold)
ทำไม REITs ถึงเป็นทางลัดสู่ ‘รายได้แบบเจ้าของ’ ?
การที่ REITs คือทางลัดของการมีรายได้แบบการเป็นเจ้าของ เนื่องจาก การลงทุนในกองทรัสต์สามารถให้ปันผลตอบแทนสูงถึง 90% ของกำไรสุทธิในแต่ละปีตามที่ได้ระบุไว้ ซึ่งกำไรที่ว่านี้มากจากการเก็บค่าเช่าหรือค่าบริการของทรัพย์สินที่กองทุนถือครองไว้ ซึ่งถือเป็นรายได้ประจำคล้ายคลึงกับเจ้าของกิจการครับ ทำให้นักลงทุนสามารถมีรายได้ประจำที่มั่นคงคล้ายกับการเป็นเจ้าของกิจการ แต่ไม่ต้องลงทุนเงินหลายล้านหรือดูแลทรัพย์สินเอง
Trustee คือใคร ?
Trustee คือ บริษัทหรือสถาบันทางการเงินที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลและถือกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ โดย Trustee มีหน้าที่หลัก คือ ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์และคุ้มครองผู้ลงทุน รวมถึงการจัดการผู้ดูแลกองทรัสต์ (REITs Manager) ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดครับ
ประเภทของ REITs ที่นักลงทุนควรรู้
สำหรับกองทุน REITs สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ REITs ตามสิทธิ์การถือครอง และ REITs ตามกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนครับ
1. กอง REITs ตามสิทธิ์การถือครอง
- Freehold REIT : เป็นกองทรัสต์รูปแบบหนึ่งที่เข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบเป็นเจ้าของจริง กล่าวคือ นักลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์เต็มที่ 100% เช่น สามารถได้รับเงินจากการปล่อยเช่าและปันผลจากกำไร หรือได้รับส่วนต่างจากกำไรกรณีขายอสังหาริมทรัพย์แล้วมูลค่าเพิ่ม
- Leasehold REIT : เป็นกองทรัสต์รูปแบบหนึ่งที่เข้าไปซื้อสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น สัญญาเช่าแบบ 10 ปี หรือ 30 ปี เป็นต้น โดยนักลงทุนจะได้รับสิทธิในการรับผลตอบแทนหรือกำไรจากการเก็บค่าเช่าหรือให้บริการอสังหาฯ เท่านั้น และเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า กองทรัสต์จำเป็นต้องต่อสัญญาหรือคืนทรัพย์สินแก่เจ้าของ ซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าของสินทรัพย์
2. กอง REITs ตามกลุ่มอสังหาฯ ที่ลงทุน
- Retail REIT : การลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มเพื่อการค้าปลีก เช่น ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
- Office REIT : ลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มตึกสำนักงาน ออฟฟิศ หรืออาคารธุรกิจอื่น ๆ
- Industrial REIT : ลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มโรงงานหรือคลังสินค้า เป็นต้น
- Residential REIT : ลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น บ้านจัดสรร อพาร์ตเมนต์ หรือคอนโด เป็นต้น
- Health Care REIT : ลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มเพื่อสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลหรือบ้านพักผู้สูงอายุ เป็นต้น
- Lodging/Resorts REIT : ลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มโรงแรมหรือรีสอร์ท
- Self-storage REIT : ลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มพื้นที่เช่าสำหรับการเก็บทรัพย์สินหรือสิ่งของ
- Telecommunications REIT : ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร เช่น เสาโทรคมนาคม
- Data Center REIT : ลงทุนในอสังหาฯ กลุ่มอาคารหรือสถานที่สำหรับจัดเก็บข้อมูล
- Diversified REIT : ลงทุนในอสังหาฯ ในรูปแบบของการกระจายประเภททรัพย์สิน
- Specialty REIT : ลงทุนในอสังหาฯ เฉพาะทาง เช่น โรงภาพยนตร์ ป้ายโฆษณา หรือที่ดินเพาะปลูก เป็นต้น
ทีมงาน Gotradehere ขอแชร์ : ในประเทศไทย สามารถพบเห็น REITs ประเภท Leasehold REITs ได้มากกว่าแบบ Freehold REIT เนื่องจาก อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในทำเลทองหรือพื้นที่การค้าจะให้สิทธิการเช่าระยะยาวมากกว่าการขายเพื่อเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์ เนื่องจากมีข้อกำหนดด้านกฎหมายและราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่สูงมาก
ข้อดีและความเสี่ยงของการลงทุนใน REITs
ข้อดีของการลงทุนใน REITs
| ✅ ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลสูงถึง 90% ของกำไรสุทธิ |
| ✅ สามารถกระจายความเสี่ยงลงทุนได้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท ทำให้ง่ายต่อการจัดการพอร์ตและบริหารความเสี่ยง |
| ✅ มือใหม่สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ เนื่องจากมีผู้จัดการทรัสต์มืออาชีพ (REITs Manager) คอยดูแลและบริหารกลยุทธ์การลงทุน |
| ✅ สภาพคล่องการซื้อขายสูง สามารถเข้าถึงการซื้อขายหน่วยการลงทุนได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ |
| ✅ เป็นโอกาสการลงทุนระยะยาวที่สามารถสร้าง Passive Income ได้ |
| ✅ การลงทุนใน REITs ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนที่สูงเหมือนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง โดยนักลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย |
ความเสี่ยงของการลงทุนใน REITs
| ⚠️ การลงทุน REITs ในรูปแบบ Leasehold REIT มีความเสี่ยงด้านสัญญาเช่าและอายุการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของสินทรัพย์ลดลง หรือไม่ได้รับผลตอบแทนต่อจนกว่ากองทรัสต์จะต่อสัญญาอสังหาฯ |
| ⚠️ ความเสี่ยงด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น อัตราค่าเช่าหรือบริการ จำนวนผู้ใช้บริการ ค่าใช้จ่าย รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ หรือส่งผลต่อราคาหน่วยลงทุนที่อาจลดลง |
| ⚠️ ความเสี่ยงในช่วงที่มีการประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของ REITs เพิ่มขึ้น กำไรสุทธิลดลง ส่งผลให้เงินปันผลที่นักลงทุนจะได้รับลดลงเช่นกัน นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ราคาหน่วยลงทุนมักปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าแทน |
เลือก REITs อย่างไรสำหรับนักลงทุนมือใหม่
เนื่องจากกอง REITs ในตลาดหลักทรัพย์ไทยมีหลากกองด้วยกัน และในแต่ละตัวก็มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ด้านผลตอบแทน อสังหาฯ ที่ลงทุน หรือแม้แต่ความเสี่ยง กล่าวคือ ไม่ใช่ว่ากอง REITs ทุกตัวจะให้ผลตอบแทนดีหรือเหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ ดังนั้น การเลือกกอง REITs จึงมีความสำคัญกับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก โดยมีเทคนิคสำคัญในการเลือก REITs ดังนี้
1. อัตราเงินปันผลตอบแทนย้อนหลัง (Dividend Yield)
Dividend Yield ถือเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยบอกว่านักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นกี่เปอร์เซ็นต์จากราคาลงทุนต่อหน่วย ณ ช่วงเวลานั้น โดยสามารถคำนวณได้ด้วยสูตร ดังนี้
Dividend Yield = (เงินปันผลต่อปี ÷ ราคาหน่วยลงทุน) × 100
โดยการใช้ข้อมูลย้อนหลังนี้ จะช่วยให้นักลงทุนประเมินได้ว่า กอง REITs มีความคุ้มค่ามากเพียงพอเมื่อเทียบกับเงินลงทุนหรือไม่ แล้วอัตราเงินปันผลตอบแทนย้อนหลังประมาณไหนถึงเรียกว่าดี ? คำตอบคือ คุณจำเป็นจะต้องดูควบคู่ไปกับปัจจัยอื่น ๆ ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งคุณสามารถศึกษาต่อได้ในหัวข้อถัดไปครับ
2. วิเคราะห์คุณภาพทรัพย์สิน (Property Quality)
การวิเคราะห์คุณภาพทรัพย์สินมีความสำคัญสำหรับการประเมินกอง REITs เพราะทรัพย์สินที่กอง REITs ถือครอบครองเปรียบเสมือนแหล่งรายได้หลักที่นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนครับ หากทรัพย์สินไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลต่อเงินปันผลที่นักลงทุนจะได้รับในอนาคตนั่นเอง โดยการวิเคราะห์คุณภาพทรัพย์สินเบื้องต้นอาจประเมินด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้
- ทำเลที่ตั้งดี
- อาคารใหม่ / การดูแลดี
- ดีไซน์ทันสมัย
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
- ประเภทของการถือของทรัพย์สิน
นอกจากนี้ การวิเคราะห์คุณภาพทรัพย์สินสามารถสะท้อนให้เห็นถึง Dividend Yield ด้วยเช่นกัน หาก Dividend Yield สูงผิดปกติ อาจบ่งบอกได้ว่า ราคาต่อหน่วยลดลงซึ่งอาจมีผลมาจากคุณภาพของทรัพย์สินมีปัญหาครับ
กล่าวคือ การวิเคราะห์คุณภาพทรัพย์สินจะช่วยให้คุณแยกระหว่าง Dividend Yield ที่ดีหรือไม่ดีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
3. ตรวจสอบคุณภาพกอง REITs
การตรวจสอบคุณภาพกอง REITs เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนควรตรวจสอบและไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะในเรื่องของ ผลประกอบการในอดีต โครงสร้างหนี้ ความสามารถในการจ่ายปันผล ความโปร่งใสในการให้ข้อมูล รวมถึงประสบการณ์ของผู้จัดการกองทรัสต์ เพราะการตรวจสอบคุณภาพกอง REITs ก่อนตัดสินใจลงทุน จะช่วยลดความเสี่ยงและช่วยคัดกรอง REITs ที่ดีที่สุดสำหรับตัวนักลงทุนครับ
เพราะการลงทุนที่ดี ไม่ใช่แค่การดูตัวเลข แต่ต้องดูคนที่อยู่เบื้องหลังและปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยครับ
เริ่มต้นลงทุน REITs ยังไง ?
นักลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุน REITs ได้ด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ โดยนักลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลกองทรัสต์ได้ผ่านหน้าเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวด PF&REIT (PROPCON) ครับ โดยก่อนเริ่ม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูล REITs ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน แนะนำให้คุณลองอ่านข้อมูลหลักทรัพย์ งบการเงิน รวมถึง Factsheet จะได้รับข้อมูลที่ละเอียดและครบถ้วนมากที่สุดครับ
ทีมงาน Gotradehere ขอแชร์ : ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีกอง REITs มากกว่า 50 กอง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี โดยสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่หน้า “หลักทรัพย์เตรียม IPO – REIT” นอกจากนี้ REITs ยังสามารถลงทุนในรูปแบบของกองทุนรวมได้ เนื่องจาก บางกองทุนมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ อาทิเช่น LHTPROP (LH Fund), TGREIT (TISCO) หรือ KFGPROP (Krungsri Asset) เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจครับ
หมายเหตุ : นักลงทุนสามารถซื้อขาย REITs ในช่วงเวลาเดียวกันกับการซื้อขายหุ้น คือ ช่วงเช้า : 10:00 – 12:30 น. หยุดพักเที่ยง : 12:30 – 14:30 น. และช่วงบ่าย: 14:30 – 16:30 น. โดยให้บริการเฉพาะวันจันทร์-วันศุกร์ และหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์
ตัวอย่างกอง REITs ที่น่าสนใจในประเทศไทย

ทีมงาน Gotradehere ขอแนะนำ 7 กอง REITs ที่น่าสนใจในประเทศไทย โดยคัดเลือกจากจุดแข็งในด้านการให้ผลตอบแทนสูง, ความมั่นคงของรายได้ และพื้นฐานทรัพย์สินที่มีคุณภาพ รวมถึงชื่อเสียงและความนิยมในประเทศ โดย 7 กอง REITs ที่น่าสนใจ มีดังนี้
| กอง REITs | ประเภทกอง | ประเภททรัพย์สินหลัก | อัตราเงินปันผลตอบแทน (YTD) | เงินปันผลล่าสุด (บาท/หุ้น) |
| FTREIT | แบบผสม | โรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าทั่วประเทศ | 6.86% | 0.19 |
| CPNREIT | Leasehold | ศูนย์การค้าเซ็นทรัล, โรงแรม และอาคารสำนักงาน | 5.36% | 0.23 |
| ALLY | Leasehold | ศูนย์การค้า 13 แห่ง และอาคารสำนักงาน | 11.93% | 0.11 |
| IMPACT | Freehold | อาคารจัดนิทรรศการและศูนย์ประชุม 4 อาคาร | 6.70% | 0.22 |
| LHSC | Leasehold | โครงการศูนย์การค้า Terminal | 6.55% | 0.18 |
| GVREIT | Leasehold | อาคารสำนักงานเกรด A กลางย่านกรุงเทพธุรกิจ | 12.00% | 0.20 |
| WHART | แบบผสม | คลังสินค้าโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ทั่วประเทศ | 7.24% | 0.17 |
หมายเหตุ : นำเสนอข้อมูลจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568
REITs เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน ?
REITs หรือกองทรัสต์ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ และกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้ REITs ยังเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนด้วยงบเพียงเล็กน้อยและยังไม่มีความรู้มากนัก เนื่องจากการลงทุนกับกอง REITs ไม่จำเป็นต้องบริหารกลยุทธ์การลงทุนเอง แต่จะมีผู้จัดการกองทรัสต์มืออาชีพ (REIT Manager) คอยดูแลและปรับแผนกลยุทธ์ให้ครับ แล้วคุณเป็นนักลงทุนแบบไหน ? อาจจะลองสังเกตจากประเภทนักลงทุนที่เหมาะกับ REITs ดังนี้ครับ
- นักลงทุนที่ต้องการรายได้แบบ Passive Income
- นักลงทุนที่หวังผลตอบแทนระยะยาวเกิน 5 – 10 ปี
- นักลงทุนที่เน้นความมั่นคง ไม่ชอบความเสี่ยง
- นักลงทุนที่อยากลงทุนอสังหาฯ แต่ไม่อยากบริหารจริง
แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วน รวมถึงวางแผนจัดการความเสี่ยงให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้งครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ REITs คืออะไร ?
กองทุน REIT ซื้อที่ไหน ?
นักลงทุนสามารถซื้อกองทุน REIT ได้ผ่านช่องทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ก่อน หรือถ้ามีบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว สามารถใช้บัญชีเดิมได้เลย ไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่า (REIT) คืออะไร ?
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่า (REIT) หรือที่เราเรียกกันว่า Leasehold REIT คือ กองทรัสต์รูปแบบหนึ่งที่รวบรวมเงินลงทุนจากนักลงทุน เพื่อนำไปซื้อสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
ผลตอบแทนจาก REITs เสียภาษีไหม ?
สำหรับเงินปันผลที่ได้รับจากการลงทุน REITs ของบุคคลธรรมดาจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ทันที หรือไม่เลือกหัก ณ ที่จ่าย 10% และนำเงินปันผลที่ได้ไปคำนวณภาษีตอนปลายปี ตามเงินได้พึงประเมิน 40(4)ข
สรุปเกี่ยวกับ REITs คืออะไร เหมาะกับมือใหม่จริงไหม
REITs คือ การลงทุนรูปแบบหนึ่งที่คล้ายกับการลงทุนในกองทุนรวม แต่เปลี่ยนจากการระดมทุนเพื่อกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นการระดมทุนเพื่อเช่าหรือซื้อกรรมสิทธิ์สำหรับถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการสร้างรายได้ในอนาคต จากนั้น จะนำรายได้หรือกำไรจากการปล่อยเช่าหรือให้บริการมาแจกจ่ายคืนให้แก่นักลงทุนในรูปแบบเงินปันผลตอบแทนครับ
ซึ่ง REITs ค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่อาจจะยังมีประสบการณ์ด้านการลงทุนไม่มาก แต่มีความต้องการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากการลงทุนใน REITs จะมี REITs Manager คอยดูแลและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้แก่คุณ อีกทั้ง ยังใช้ต้นทุนเพียงเล็กน้อยก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้แล้วครับ
สุดท้ายนี้ คุณควรศึกษารายละเอียดของกองทรัสต์รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และต้องไม่ลืมที่จะบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนทุกครั้งครับ








