COM7 หุ้นมาแรง! น่าจับตามองในวงการ IT เมื่อ iPhone เปิดตัว

สินค้าและอุปกรณ์ไอทีได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากกระแสสังคมที่มีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้สินค้าและอุปกรณ์ไอทีปรับเปลี่ยนตามไปด้วย โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ที่ในปัจจุบันมีให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย เช่น Samsung, iPhone, Huewei และ Vivo เป็นต้น

จากกระแสของสินค้าไอทีเหล่านี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นและผลประกอบการของบริษัทเติบโต เพราะสามารถดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี สำหรับกลุ่มหุ้นไอทีชั้นนำของประเทศไทยมีหลายบริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ บริษัทคอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 นั่นเอง

บริษัทคอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะหนึ่งในจุดเด่นของบริษัทนี้ คือ เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยถึง 1,160 สาขา

ในบทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับ COM7 หุ้นมาแรง! น่าจับตามองในวงการ IT เมื่อ iPhone เปิดตัว โดยจะพาทุกคนมารู้จักกับหุ้น COM7 ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ไปหาคำตอบกันครับ

COM7 คืออะไร?

COM7 คือ หุ้นของบริษัทคอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ที่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อปี 2558 โดยบริษัทดำเนินธุรกิจทางด้านการค้าปลีกสินค้าไอทีต่าง ๆ และยังดำเนินกิจการเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ อีกด้วยซึ่งลักษณะการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีอยู่ 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่

1. ธุรกิจค้าปลีก (Retail)

บริษัทได้มีสาขาครอบคลุมถึง 1,160 สาขา และ 75 จังหวัด ในประเทศไทย โดยได้ดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อร้าน BaNANA, Studio7, BKK, KinKong Phone, U-Store และ iCare เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ ได้แก่ 1. ร้านค้าที่ขายสินค้า Apple, 2. ร้านค้าขายโทรศัพท์เคลื่อนที่, 3. ร้านค้าปลีกสินค้าไอที และร้านค้าแบรนด์ชอปอื่น ๆ เช่น ร้านขายยา และร้าน Pet Shop เป็นต้น

2. ธุรกิจเชิงพาณิชย์และองค์กร (B2B)

บริษัทคอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอย่างสถาบันการศึกษา โดยเป็นการขายตรงให้กับนิติบุคคล, มหาวิทยาลัย และโรงเรียน

3. ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์

บริษัทจัดตั้งช่องทางการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ภายใต้ชื่อ www.bnn.in.th เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

4. ธุรกิจการให้บริการ (Service)

บริษัทให้บริการหลังการขายที่เกี่ยวกับศูนย์ซ่อมและการบริการสินค้า Apple ในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ iCare และ TRUE by COM7

จุดเด่น COM7 มีอะไรบ้าง?

1. ความหลากหลายของสินค้า

บริษัทให้บริการสินค้าที่มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่สินค้าไอทีไปจนถึงการขยายกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักแสนบาทที่ครอบคลุมแบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลก

2. บริษัทเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของแบรนด์ Apple ในประเทศไทย

บริษัทคอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เซ็นสัญญาเป็น Authorized Reseller กับ Apple (Thailand) ในการจัดจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Apple ไม่ว่าจะเป็น Mac, iPad, AirPods, Watch และ iPhone เป็นต้น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงมหาวิทยาลัยในประเทศไทย

3. การบริการที่ครบวงจร

บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการที่ครบวงจร เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าและสร้างฐานลูกค้าให้หนาแน่นมากยิ่งขึ้น

4. การเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า

บริษัทมีคู่ค้าจัดจำหน่ายสินค้ากว่า 200 ราย โดยได้รับการสนับสนุนที่ดีในด้านสินค้าที่หลากหลาย และการให้บริการต่าง ๆ จากผู้จัดจำหน่ายสินค้า นอกจากนี้บริษัทยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้จัดจำหน่ายอีกด้วย

จากที่กล่าวไปข้างต้น เห็นได้ว่า บริษัทคอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 มีจุดเด่นที่สามารถทำให้กิจการมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขายสินค้า Apple ที่ทำให้หุ้นเร่งปรับตัวทุกครั้งที่ Apple ประกาศสินค้าใหม่ โดยราคาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของหุ้น COM7 ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นถึง 14.04%

นอกจากนี้ P/E ของหุ้น COM7 อยู่ที่ 24.13 (เท่า) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หุ้น COM7 เป็นหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุน เพราะ P/E เป็นอัตราส่วนที่เปรียบเทียบราคาตลาดหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น ที่บริษัทสามารถทำได้ในปีล่าสุด โดย P/E ของหุ้น COM7 ถือว่า กำไรออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยในไตรมาสแรก แต่คาดว่าไตรมาส 2Q66 จะโตดีกว่า เพราะการทยอยเปิดตัว iPhone 15 และเป็นการเข้าสู่ช่วง Hight Season ซึ่งเป็นหุ้นที่ยังคงแนะนำว่า น่าซื้ออยู่

การเปรียบเทียบ P/E ของ COM7 กับหุ้นตัวอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน

* ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 

หมายเหตุ : การพิจารณาความคุ้มค่าของการลงทุนในหุ้นจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลงทุนของ แต่ละท่านที่มีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่แตกต่างกัน โดยหลักเกณฑ์ที่สำคัญ คือ ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ร่วมไปด้วย เช่น แนวโน้มการเติบโตของบริษัทว่าอยู่ในจุดอิ่มตัวหรือไม่ มีกระแสเงินสดเท่าไหร่ หรือเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เพื่อช่วยให้เราสามารถเลือกหุ้นที่ดีได้

iPhone 15 จะส่งผลต่อหุ้น COM7 อย่างไร?

จากกระแสการเปิดตัว iPhone 15 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เวลา 0.00 น. ประเทศไทยที่ผ่านมา เป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้นักวิเคราะห์หรือบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งประเมินได้ว่า หุ้น COM7 จะปรับตัวขึ้นเป็นบวกจากการคาดการณ์กำไรในปี 2566 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14%

ซีอีโอ Jim Cook กับ iPhone 15 Pro ที่งานเปิดตัว Apple Event 2566 ที่คูเพอร์ทิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ

ที่มา : Forbesindia

ประกอบกับการอิงข้อมูลจากสถิติการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ย้อนหลัง 5 ครั้งล่าสุด มักพบว่า หุ้น COM7 ได้รับผลตอบแทนที่ดีเป็นอย่างมาก โดยมีเฉลี่ยผลตอบแทนเป็นบวกที่ 40% และคิดเป็นค่าเฉลี่ยที่ 0.38% เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมเติบโตขึ้น อีกทั้งยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีอีกด้วย เพราะปัจจุบัน COM7 จ่ายปันผลประมาณ 50%-70% ของกำไร

ภาพบรรยากาศงานเปิดตัวรอบสื่อ Apple Event 2566 ที่คูเพอร์ทิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ

ภาพบรรยากาศงานเปิดตัวรอบสื่อ Apple Event 2566 ที่คูเพอร์ทิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ

ที่มา : Telegraph.co.uk

สำหรับงาน Apple Event ที่เปิดตัวของ iPhone 15 ในวันที่ 13 กันยายน 2566 นี้ มีการอัปเดตข้อมูลว่า Apple จะปรับการออกแบบเพียงเล็กน้อยมี 2 รุ่น คือ iPhone 15 และ iPhone 15 Pro โดยรายละเอียด ดังต่อไปนี้

iPhone 15

รูปภาพ

ฟีเจอร์

• มี iPhone 15 และ iPhone 15 Plus
• ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมรีไซเคิล 75%
• ดีไซน์เดิม หน้าจอ OLED 6.1 และ 6.7
• ด้านหลังเป็นกระจกด้าน
• รองรับสายชาร์จ 22-24W
• RAM 6GB 
• ชิป A16 Bionic
• CPU 5-Core (iPhone 15) และ GPU 6-Core (iPhone 15 Plus)
• มี Dynamic Island
• กล้องหลัก 48 MP, กล้อง Ultra Wide และ Telephoto 2 เท่า
• ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB
• สายชาร์จ USB-C
• มี 5 สี ได้แก่ ฟ้า, ดำ, เหลือง, เขียว และชมพู

iPhone 15 Pro

รูปภาพ

ฟีเจอร์

• มี iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max
• หน้าจอ 6.1 และ 6.7 
• ดีไซน์เดิม อาจปรับความโค้งมนขึ้น
• น้ำหนักเบาขึ้น
• มีปุ่ม Action แทนปุ่ม Mute
• ชิป A17 Bionic
• CPU 6-Core และ GPU 6-Core
• RAM 8GB อัปเดตชิป U2 (UWB)
• แบตเตอรี่เพิ่ม
• iPhone 15 Max กล้องหลังใส่เลนส์ Periscope ซูม 5x-6x
• กล้องหลัก 48 MP, กล้อง Telephoto 3 เท่า หรือ 5 เท่า และกล้อง Utra Wide
• ความจุ 128GB, 256GB, 512GB, 1TB และ 2TB
• มี 4 สี ได้แก่ ไทเทเนียมธรรมชาติ, ไทเทเนียมขาว, ไทเทเนียมดำ และไทเทเนียมน้ำเงิน

* Tip!  สั่งซื้อล่วงหน้า 15 กันยายน 2566 เวลา 19:00 น. และเริ่มวางจำหน่าย 22 กันยายน 2566 นี้ ติดตามได้ที่เว็บไซต์ Apple

นอกจากการเปิดตัว iPhone 15 แล้วนั้น ทาง Apple ยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Apple Watch Series 9 และ Apple Watch Utra 2 โดยมีการปรับเปลี่ยนวัสดุให้รักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนให้น้อยลง ซึ่ง Apple Watch Series 9 และ Apple Watch Utra 2 มีฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน ดังนี้

Apple Watch Series 9

รูปภาพ

ฟีเจอร์

• ชิปใหม่ Apple Silicon ประกอบด้วย 4 Core CPU
• ความสว่างอยู่ที่ 2,000 nits
• ขอบหน้าปัดโค้งข้าง
• มี Double Tap ที่ช่วยให้สามารถสั่งการสั่นผ่านนิ้วมือด้วยการบิดนิ้วมือ ซึ่งสามารถรับสาย, วางสาย, สั่งถ่ายภาพ, ปิดนาฬิกาปลุก และการวัดชีพจร เป็นต้น
• มี 2 รูปแบบ คือ อลูมิเนียมและสแตนเลส ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 8 สี
• สำหรับสายใช้วัสดุ Find Woven ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล

Apple Watch Utra 2

รูปภาพ

ฟีเจอร์

• ความสว่างมากถึง 3,000 nits
• สามารถเปลี่ยน Night Mode ได้แบบอัตโนมัติ
• สามารถทนกับสภาพอากาศได้ดี เช่น การลงที่ความกดอากาศต่ำสุด -500 FT ไปจนถึง 9,000 FT
• ใช้งานนานสุด 36 ชั่วโมง
• Low Power อยู่ได้ถึง 72 ชั่วโมง
• ฟีเจอร์อื่น ๆ เหมือนกันกับ Apple Watch Series 9

* Tip!  สั่งซื้อล่วงหน้า 15 กันยายน 2566 เวลา 19:00 น. และเริ่มวางจำหน่าย 22 กันยายน 2566 นี้ ติดตามได้ที่เว็บไซต์ Apple

สรุป COM7

จากที่กล่าวไปข้างต้นเกี่ยวกับ COM7 หุ้นมาแรง! น่าจับตามองในวงการ IT เมื่อ iPhone เปิดตัวสรุปได้ว่า COM7 ยังเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ โดยมีนักวิเคราะห์หลายท่านแนะนำให้ “ซื้อหุ้นตัวนี้” เพราะคาดการณ์ว่า ผลกำไรในช่วงไตรมาส 2H66 จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1H66 เนื่องจากการเปิดตัว iPhone15 และการเข้าสู่ช่วง High Season ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังรวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินกิจการลักษณะอื่น ๆ ของบริษัทอีกด้วย ส่งผลให้บริษัทจะมีกำไรที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงและการหดตัวของอุตสาหกรรมไอที เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้น นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนให้ดี และมีการกระจายความเสี่ยงด้วยนะครับ