Table of Contents
Table of Contents

แนวรับ แนวต้าน คืออะไร? เจาะลึกวิธีใช้ให้แม่นยำแบบมืออาชีพ

แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

แนวรับและแนวต้าน คือ หนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่นักเทรดและนักลงทุนมืออาชีพแทบทุกคนต้องใช้
เพราะเส้นเหล่านี้ไม่เพียงแค่บอกตำแหน่งของราคาเท่านั้น แต่ยังช่วยระบุ “จุดสำคัญ” ที่ราคาอาจหยุด วิ่งต่อ หรือกลับทิศ ซึ่งเป็นหัวใจของการวางแผนซื้อขายในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็น หุ้น, Forex หรือแม้แต่ Cryptocurrency หากเข้าใจและใช้งานแนวรับ แนวต้านได้อย่างถูกต้อง ก็เท่ากับมีเข็มทิศสำคัญที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และลดความเสี่ยงในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ

*หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ใช่บทความที่ชักชวนเพื่อการลงทุนแต่อย่างใด เป็นเพียงบทความเพื่อให้ความรู้สำหรับศึกษาเท่านั้น

——————–🐣——————–

แนวรับ แนวต้าน คือ ระดับราคาหรือโซนที่มักเกิดแรงซื้อหรือแรงขายอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ราคามักหยุดเคลื่อนไหวหรือไม่สามารถทะลุผ่านระดับนั้นได้โดยง่าย หากราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านไปได้อย่างชัดเจน มักบ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาจะกลับทิศ หรือใช้ยืนยันการเคลื่อนไหวต่อเนื่องไปตามแนวโน้มเดิม

แนวรับ แนวต้านมีความสำคัญอย่างมากในการเทรด เพราะช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นจุดที่ราคามีโอกาสหยุดหรือกลับตัวได้อย่างแม่นยำ โดยมีประโยชน์หลัก ๆ ดังนี้

1. ช่วยกำหนดจุดเข้า-ออกออเดอร์ที่ได้เปรียบ

  • แนวรับเป็นโซนที่ราคามักหยุดปรับตัวลง เพราะมีแรงซื้อเข้ามารับไว้ ทำให้เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเปิดออเดอร์ซื้อ (Long)
  • แนวต้านเป็นโซนที่ราคามักหยุดปรับตัวขึ้น เพราะมีแรงขายเข้ามาต้านไว้ จึงเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเปิดออเดอร์ขาย (Short)

2. ช่วยให้เห็นภาพทิศทางและรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา

การสังเกตแนวรับ แนวต้านช่วยให้เข้าใจว่าราคากำลังอยู่ในแนวโน้มหรือมีโอกาสเปลี่ยนทิศทางใด ทำให้สามารถวางแผนเทรดได้ดีขึ้น

3. ช่วยบริหารความเสี่ยงและวางแผนการเทรด

เทรดเดอร์สามารถตั้งจุด Stop Loss หรือ Take Profit บริเวณแนวรับและแนวต้านได้อย่างมีเหตุผล ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

4. สะท้อนพฤติกรรมและจิตวิทยาของตลาด

แนวรับและแนวต้านเกิดจากการที่ผู้เล่นในตลาดมองว่าราคาที่ระดับนั้นมีความเหมาะสมในการซื้อหรือขาย ทำให้เกิดแรงซื้อแรงขายสะสมจนราคาหยุดหรือกลับตัว ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของเทรดเดอร์อื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

แนวรับ แนวต้านมักใช้ประกอบกับอินดิเคเตอร์ (Indicator) หรือรูปแบบแท่งเทียน (Price Action) เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาจังหวะเข้าเทรดที่มีความแม่นยำมากขึ้น

🐥 Recommend by ไก่ : สำหรับเทรดเดอร์คนไหนที่กำลังอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ (Indicator) อื่น ๆ เราได้รวบรวมคู่มือ 10 Indicator ที่นิยมใช้ในกลุ่มเทรดเดอร์ไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ

——————–🐣——————–

แนวรับ (Support) คืออะไร?

แนวรับ (Support) คืออะไร?

แนวรับ (Support) คือ ระดับราคาหรือโซนราคาที่มักมีแรงซื้อเข้ามามากพอที่จะหยุดหรือชะลอการปรับตัวลดลงของราคา ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะไม่ลดต่ำลงไปอีก และอาจเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ เปรียบเสมือน “กำแพง” ที่คอยพยุงราคาไม่ให้ร่วงลงไปนั่นเองครับ เทรดเดอร์จึงมักใช้แนวรับเป็นจุดสำคัญในการวิเคราะห์ทิศทางราคาและหาจังหวะเข้าซื้อ

🐔 ตัวอย่างแนวรับ (Support)
หากราคาสินทรัพย์ร่วงลงมาถึงระดับแนวรับ แล้วเกิดแรงซื้อหนาแน่น ราคามักจะหยุดปรับตัวลง และอาจดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง แนวรับที่แข็งแกร่งมักเกิดขึ้นจากการที่ราคาทดสอบระดับนั้นหลายครั้งแต่ไม่สามารถทะลุลงไปได้ และมักมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพิ่มขึ้นในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ซื้อให้ความสำคัญกับระดับราคานั้น

แนวต้าน (Resistance) คืออะไร?

แนวต้าน (Resistance) คืออะไร?

แนวต้าน (Resistance) คือ ระดับราคาหรือโซนราคาที่มีแรงขายเข้ามามากพอที่จะหยุดหรือชะลอการเพิ่มขึ้นของราคา ทำให้ราคามีโอกาสไม่สามารถขึ้นต่อไปได้และอาจเกิดการกลับตัวลง เปรียบเสมือน “กำแพง” ที่ต้านราคานั้นไว้ครับ เทรดเดอร์จึงมักใช้แนวต้านเป็นจุดสำคัญในการวิเคราะห์ทิศทางราคาและหาจังหวะขายออก

🐔 ตัวอย่างแนวต้าน (Resistance)
เมื่อราคาสินทรัพย์ขึ้นไปถึงแนวต้าน หากมีแรงขายเข้ามาเพิ่มขึ้น ราคามักจะหยุดขึ้นและอาจเริ่มลดลงอีกครั้ง แนวต้านที่แข็งแกร่งมักเกิดจากการที่ราคาทดสอบระดับนั้นหลายครั้งโดยไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และมักมาพร้อมกับปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ขายให้ความสำคัญกับระดับราคานั้น

การตีแนวรับ คือ การวาดเส้นแนวนอนใต้แท่งราคาบนกราฟ เพื่อระบุระดับราคาที่คาดว่ามีแรงซื้อเข้ามาช่วยพยุงราคาไว้ไม่ให้ตกลงต่ำกว่านี้ โดยทั่วไปจะตีเส้นแนวรับที่บริเวณไส้เทียน (Wick) หรือราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่ราคาลงมาทดสอบหลายครั้ง

  • หากราคาลงมาถึงแนวรับที่วาดไว้แล้วไม่สามารถทะลุผ่านลงไปได้ แสดงว่าแรงซื้อยังแข็งแกร่ง ราคามีโอกาสเด้งกลับขึ้นไป
  • แต่ถ้าราคาทะลุแนวรับลงไปได้ แสดงว่าแรงขายมีมากกว่าทำให้ราคามีแนวโน้มจะลดลงต่อไป

แนวรับ (Support)

การตีแนวต้าน คือ การวาดเส้นแนวนอนเหนือแท่งราคาบนกราฟ เพื่อระบุระดับราคาที่คาดว่ามีแรงขายเข้ามาต้านราคาไว้ไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นไปมากกว่านี้ โดยทั่วไปจะตีเส้นแนวต้านที่บริเวณไส้เทียนหรือราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่ราคาขึ้นไปทดสอบหลายครั้ง

  • หากราคาขึ้นมาถึงแนวต้านที่วาดไว้แล้วไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ แสดงว่าแรงขายมีมากพอที่จะทำให้ราคาปรับตัวลดลง
  • แต่ถ้าราคาทะลุแนวต้านขึ้นไปได้ แสดงว่าแรงซื้อมีมากกว่าทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไป

แนวต้าน (Resistance)

ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เทรดเดอร์มักใช้เครื่องมือหลากหลายเพื่อระบุแนวรับและแนวต้านอย่างแม่นยำ ขึ้นอยู่กับลักษณะของตลาด, กลยุทธ์การเทรด และระดับความเชี่ยวชาญของผู้ใช้งาน โดยเครื่องมือที่ได้รับความนิยม มีดังนี้

  • Trend Line เส้นแนวโน้มที่ลากเชื่อมจุดสูงหรือต่ำของราคา เพื่อแสดงทิศทางของแนวโน้มและคาดการณ์จุดกลับตัว
  • Horizontal Line เส้นแนวนอนที่ลากผ่านระดับราคาสำคัญ ซึ่งราคามักมีปฏิกิริยา เช่น หยุดหรือกลับทิศ
  • Parallel Channel หรือเส้นแนวโน้มคู่ขนาน ใช้สร้างกรอบราคาเพื่อดูการเคลื่อนไหวของราคาภายในช่วงแนวรับและแนวต้าน
  • Fibonacci Retracement เครื่องมือวัดอัตราการย่อตัวของราคา โดยอิงตามสัดส่วนทางคณิตศาสตร์ ซึ่งช่วยระบุโซนแนวรับและแนวต้านที่มีนัยสำคัญ

วิธีหาเส้นแนวรับ แนวต้าน Forex ช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวหรือแนวโน้มของราคาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เพราะตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง การวิเคราะห์ระดับราคาสำคัญจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
นี่คือ 3 วิธีพื้นฐานในการหาเส้นแนวรับ แนวต้านที่เทรดเดอร์นิยมใช้

1. หาแนวรับ แนวต้านจากการลากเส้นแนวโน้ม (Trendline)

การใช้เส้นแนวโน้ม (Trendline) เป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายและได้รับความนิยมมาก เพราะช่วยให้เห็นภาพรวมของทิศทางแนวโน้มและจุดที่ราคามีโอกาสเด้งกลับหรือทะลุแนวรับแนวต้านได้ชัดเจน

▸ แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)

  • ลากเส้น Trendline เชื่อมจุดต่ำสุดที่ราคายกตัวขึ้น (Higher Low) อย่างน้อย 2-3 จุด เส้นนี้จะกลายเป็นแนวรับสำคัญที่ราคามักจะไม่หลุดลงไปง่าย ๆ
  • เส้นนี้จะทำหน้าที่เป็น “แนวรับ”

▸ แนวโน้มขาลง (Downtrend)

  • ลากเส้น Trendline เชื่อมจุดสูงสุดที่ราคาลดลง (Lower High) อย่างน้อย 2-3 จุด เส้นนี้จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านที่ราคามักไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ง่าย
  • เส้นนี้จะทำหน้าที่เป็น “แนวต้าน”

▸ แนวโน้มไซด์เวย์ (Sideway Trend)

  • ใช้เส้นแนวนอน (Horizontal Line) ลากผ่านจุดสูงสุดและต่ำสุดที่ราคาวิ่งอยู่ในกรอบ เพื่อกำหนดแนวรับและแนวต้านในช่วงราคาคงที่หรือวิ่งอยู่ในกรอบ

อีกวิธีหนึ่งที่ง่ายและได้ผลดีในการหาแนวรับ แนวต้าน คือ การสังเกตจุดกลับตัวของราคาในอดีต เช่น

  • Swing High คือ จุดสูงสุดก่อนที่ราคาจะเริ่มปรับตัวลง ใช้เป็นแนวต้าน
  • Swing Low คือ จุดต่ำสุดก่อนที่ราคาจะเริ่มปรับตัวขึ้น ใช้เป็นแนวรับ

การลากเส้นแนวนอนผ่านจุดเหล่านี้ช่วยให้เห็นระดับราคาที่ตลาดให้ความสำคัญ เหมาะสำหรับวางแผนเข้าออกออเดอร์ รวมถึงตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (Indicators) ก็สามารถช่วยในการระบุแนวรับแนวต้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก

ตัวอย่าง Indicator ที่นิยมใช้เพื่อหาแนวรับ แนวต้าน

  • Fibonacci Retracement: ใช้หาจุดพักตัวของราคาในแนวโน้ม เพื่อกำหนดระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ
  • Pivot Point: คำนวณจุดกลับตัวในแต่ละวันจากราคาสูงสุด ต่ำสุด และราคาปิด พร้อมระดับแนวรับ (S1, S2) และแนวต้าน (R1, R2)
  • Moving Average (MA): เส้นค่าเฉลี่ยที่ราคามักเป็นแนวรับแนวต้านแบบ Dynamic
  • Bollinger Bands: เส้นขอบบนและล่างที่ช่วยบ่งชี้โซนซื้อเกิน (Overbought) หรือขายเกิน (Oversold)

ข้อดีและความสำคัญของแนวรับ แนวต้าน

  1. แนวรับ แนวต้านช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์สามารถคาดการณ์จุดที่ราคามีแนวโน้มเปลี่ยนทิศทางได้อย่างแม่นยำ รวมถึงช่วยระบุจุดที่เหมาะสมในการเข้าหรือออกจากการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. หากระดับแนวรับหรือแนวต้านถูกทดสอบซ้ำหลายครั้ง ประกอบกับมีปริมาณการซื้อขายสูง แนวรับหรือแนวต้านนั้นจะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
  3. เมื่อราคาสามารถทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่งไปได้ (Breakout) แนวรับเดิมอาจเปลี่ยนบทบาทเป็นแนวต้าน และแนวต้านเดิมอาจกลายเป็นแนวรับในทิศทางตรงกันข้าม
  1. การซื้อที่แนวรับในช่วงขาลง หรือขายที่แนวต้านในช่วงขาขึ้น ถือเป็นการเทรดสวนเทรนด์หลัก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการขาดทุน เนื่องจากราคามักมีแนวโน้มเคลื่อนไหวต่อเนื่องไปในทิศทางของเทรนด์เดิม
  2. แนวรับแนวต้านที่ถูกทดสอบบ่อยครั้ง แม้อาจดูแข็งแกร่งในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีแนวโน้มอ่อนแรงลงและอาจถูกทะลุได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่แนวโน้มใหม่เริ่มก่อตัว
  3. False Breakout หรือการทะลุหลอก มักเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านเพียงชั่วคราว ก่อนจะวกกลับเข้ากรอบเดิม ซึ่งอาจทำให้นักเทรดเปิดออร์เดอร์ผิดทิศทาง โดยเฉพาะในช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ
  4. แนวรับแนวต้านไม่ใช่เครื่องมือที่ให้สัญญาณแม่นยำเสมอไป จึงควรใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น เช่น อินดิเคเตอร์ รูปแบบแท่งเทียน หรือการวิเคราะห์แนวโน้ม เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
  5. ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง ราคามักทะลุแนวรับแนวต้านได้บ่อยครั้ง ทำให้การตีความสัญญาณทางเทคนิคเหล่านี้ยากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเทรด
  6. การตีเส้นแนวรับแนวต้านอาจแตกต่างกันตามมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละเทรดเดอร์ จึงควรใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ และยืนยันแนวโน้มด้วยเครื่องมืออื่นประกอบเสมอ
  7. นอกจากแนวรับ แนวต้านควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ข่าวสำคัญซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทะลุแนวรับ แนวต้าน สำคัญได้

🐥 Recommend by ไก่ : การติดตามข่าว Forex ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ภาพรวมตลาดได้แม่นยำขึ้น พร้อมเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด เราได้รวบรวมข่าว Forex สำคัญที่คุณไม่ควรพลาดไว้ให้แล้ว อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ!

🐔 Note จากไก่ : สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการศึกษาการใช้งานเว็บไซต์ Forex Factory รวมถึงการตั้งค่าที่จำเป็นสำหรับมือใหม่ เราได้ทำการสรุปคู่มือให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติมแล้ว คลิกที่ด้านล่างนี้ได้เลย
📍อ่านต่อ : สรุปคู่มือการใช้ Forex Factory พร้อมเทคนิควิเคราะห์ข่าว

——————–🐣——————–

แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

➢ แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่มักเกิดแรงซื้อทำให้ราคาหยุดลงหรือตีกลับขึ้น ส่วนแนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่มีแรงขายต้านไว้ทำให้ราคาหยุดขึ้นหรือลดลง เป็นเครื่องมือพื้นฐานในวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยหาจุดเข้า-ออกเทรดอย่างแม่นยำ

แนวรับ แนวต้าน สำคัญอย่างไรต่อการเทรด?

➢ เป็นจุดที่ราคามักมีปฏิกิริยา เช่น หยุด วิ่งต่อ หรือกลับทิศ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนเทรด ตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน จะเกิดอะไรขึ้น?

➢ หากราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านไปได้อย่างชัดเจน แสดงถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อหรือขาย อาจบ่งบอกถึงโอกาสเกิดเทรนด์ใหม่ หรือการกลับตัวของราคา

แนวรับ แนวต้านช่วยบริหารความเสี่ยงได้อย่างไร?

➢ ช่วยให้ตั้งจุด Stop Loss ใกล้แนวรับหรือแนวต้านได้อย่างมีเหตุผล ลดการขาดทุนเกินจำเป็น และเพิ่มโอกาสทำกำไรจากจุดกลับตัวหรือการทะลุแนวราคาสำคัญ

สามารถใช้แนวรับ แนวต้านร่วมกับ Indicator อื่น ๆ ได้หรือไม่?

➢ ได้ และควรทำ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ เช่น ใช้ร่วมกับ RSI เพื่อดู Overbought/Oversold, ใช้กับ Fibonacci เพื่อหาจุดพักตัว หรือร่วมกับ Bollinger Bands เพื่อดูแรงเหวี่ยงของราคา

เทรด Forex โบรกไหนดี

สำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะและคุ้มค่ากว่าโบรกเกอร์อื่น ๆ เช่น ค่า Spread ต่ำ, ไม่มี Swap, ฟรี Commission หรือมีโบนัสฟรี เราได้รวบรวมข้อมูลให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติม คลิกที่ปุ่มด้านล่างนี้ได้เลยครับ 👇🏻

——————–🐣——————–

🐔 บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดอันดับโบรกเกอร์ที่คุณไม่ควรพลาด

หมายเหตุ : ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เทรดเดอร์ควรศึกษาและวางแผนรับมือความเสี่ยงทุกครั้ง และต้องไม่ลืมที่จะศึกษารายละเอียดโบรกเกอร์ก่อนตัดสินใจลงทุน

——————–🐣——————–

คู่มือสอนเทรด Forex

📓 แนะนำคู่มือการเทรด Forex สำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ

เพื่อให้คุณสามารถอยู่รอดในโลกแห่งการเทรด Forex เราได้รวบรวมบทความที่เป็นประโยชน์และควรศึกษา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการเทรดของคุณให้ดียิ่งขึ้น

——————–🐣——————–

🐔 คู่มือพื้นฐานที่เทรดเดอร์ Forex ควรรู้

🐔 คู่มือการวิเคราะห์กราฟเฉพาะทางสำหรับเทรด Forex

——————–🐣——————–

แนวรับ แนวต้าน คือ หนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นพื้นฐานในการมองหาจุดเข้า-ออกที่เหมาะสม ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร การดูแนวรับแนวต้านควรใช้ร่วมกับเครื่องมือ Indicator อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และควรพิจารณาปัจจัยข่าวสาร เช่น ข่าวเศรษฐกิจหรือ Non-Farm Payrolls ที่อาจทำให้ราคาทะลุแนวสำคัญอย่างรุนแรง

การวิเคราะห์แนวรับแนวต้านจึงไม่ใช่แค่การตีเส้นบนกราฟ แต่คือการอ่านพฤติกรรมของตลาด ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงและวางแผนการเทรดอย่างรอบคอบ หากฝึกฝนและใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถรับมือกับความผันผวนในตลาด Forex ได้อย่างมั่นใจ และมีความเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้นในเส้นทางของนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ครับ


อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge

อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker

Table of Contents
TOP FOREX BROKERS
1
5/5
IUX
5/5
2
3/5
IC Markets
IC Markets-top-forex-brokers
IC Markets
4/5
3
4/5
FXGT.com
FXGT.com
4/5
4
3/5
Hantec Markets
Hantec Markets
3/5
5
4/5
Eightcap
Eightcap
3/5

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

– Advertisement –

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FOLLOW US
บทความที่เกี่ยวข้อง

– Advertisement –