อินดิเคเตอร์ Forex คือหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ทิศทางราคาในตลาด Forex ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
อินดิเคเตอร์ (Indicator) คือ เครื่องมือคู่ใจเทรดเดอร์หลายคน หากสามารถใช้งาน Indicator ได้หลากหลายย่อมเป็นผลดีกับตัวเทรดเดอร์อย่างแน่นอน ดังนั้นแล้ว ทีมงาน Gotradehere ขอแนะนำคู่มือการใช้งาน Indicator สำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ในบทความนี้เราได้รวบรวมคู่มือการใช้งาน Indicator ที่ดีและจำเป็นกับเทรดเดอร์ไว้ในบทความนี้เรียบร้อยแล้วครับ
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Forex (Indicator) คืออะไร ?
อินดิเคเตอร์ Forex (Indicator Forex) คือ เครื่องมือหรือตัวชี้วัดที่ใช้เพื่อวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของกราฟราคา เพื่อใช้ในการคาดการณ์หรือวิเคราะห์ทิศทางราคาคู่สกุลเงินในตลาด Forex
โดย Indicator จะนำเอาตัวเลขบนกราฟราคา เช่น ราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาต่ำสุด, ราคาสูงสุด หรือปริมาณการซื้อขาย มาใช้ในการคำนวณแล้วแสดงผลออกมาในรูปแบบของกราฟเส้นครับ
ประเภทของ Indicator Forex ที่นิยมใช้มีอะไรบ้าง ?
Trend Indicators | เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการบอกแนวโน้มและทิศทางการเคลื่อนที่ของกราฟราคา |
Volume Indicators | เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการบอกปริมาณการซื้อขายในตลาด |
Volatility Indicators | เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกความผันผวนของราคาในตลาด |
Momentum Indicators | เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการบอกการแกว่งตัวของราคาในตลาด ณ ช่วงเวลานั้น |
อินดิเคเตอร์ Forex มีประโยชน์อะไรบ้าง ?
อินดิเคเตอร์ (Indicator) ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด Forex
อินดิเคเตอร์ Forex บางประเภทสามารถระบุแนวโน้มทิศทางราคาได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการเทรดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Moving Average, MACD หรือ Ichimoku เป็นต้นครับ
อินดิเคเตอร์ (Indicator) ช่วยบอกจุดกลับตัวของราคา
อินดิเคเตอร์บางประเภท สามารถบอกจุดที่ราคาอาจมีโอกาสกลับตัวหรือสิ้นสุดแนวโน้มราคา ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนเพื่อหาจุดเข้าซื้อ-จุดขาย เพื่อทำกำไรจากการกลับตัวของราคาได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างอินดิเคเตอร์ Forex ที่ช่วยบอกแนวโน้มการกลับตัวของทิศทางราคา เช่น RSI, Bollinger Bands หรือ Stochastic Oscillator เป็นต้นครับ
อินดิเคเตอร์ (Indicator) ช่วยบอกจุดเข้า-ออกออเดอร์ที่ดีที่สุดแก่เทรดเดอร์
Indicator สามารถบอกเทรนด์ แนวโน้มทิศทางราคา หรือแม้แต่โอกาสการกลับตัวของราคาได้ ทำให้เทรดเดอร์สามารถนำเอาข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการวิเคราะห์หาจุดเข้าซื้อหรือจุดขายที่ดีที่สุด ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรหรือลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาด Forex ได้เช่นกัน
——————– ——————–
ทำไมเทรดเดอร์ควรใช้อินดิเคเตอร์ควบคู่ไปกับการเทรด Forex
เนื่องจากเทรดเดอร์ไม่สามารถวิเคราะห์กราฟราคาด้วยตาเปล่าได้เพียงอย่างเดียว เพราะในตลาด Forex มีความผันผวนของราคาที่สูงมาก ดังนั้นแล้ว ต้องอาศัยเครื่องมือทางเทคนิคอย่างอินดิเคเตอร์ Forex เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์
ซึ่งอินดิเคเตอร์ Forex จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์กราฟราคา, คาดการณ์แนวโน้ม หรือระบุจุดกลับตัวของราคาได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ Indicator ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากเทรดเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการเทรดได้เช่นกันครับ
คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere : อินดิเคเตอร์ (Indicator) คือ เครื่องมือสำคัญสำหรับการใช้วิเคราะห์กราฟ Forex นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ ที่เทรดเดอร์สามารถใช้งานควบคู่กับอินดิเคเตอร์ได้ โดยคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความด้านล่างนี้เลยครับ
สุดยอด 10 คู่มืออินดิเคเตอร์ Forex ที่แม่นยำและนิยมใช้มากที่สุด
สำหรับวิธีการใช้อินดิเคเตอร์ Forex รวมถึงเทคนิคการใช้งานที่เทรดเดอร์ควรรู้ เราได้รวบรวมคู่มือการใช้งานอินดิเคเตอร์ทั้งหมดไว้ในหัวข้อนี้ให้กับทุกคนเรียบร้อยแล้วครับ โดย 10 อินดิเคเตอร์ Forex ที่เรานำมา มีดังนี้
Moving Average (MA)
Relative Strength Index (RSI)
Bollinger Bands (BB)
Stochastic Oscillator
MACD
Parabolic Sar
Pivot Point
CCI (Commodity Channel Index)
Fibonacci Indicator
Ichimoku Indicator
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Moving Average

Moving Average (MA) คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Trend Indicators ใช้บอกแนวโน้มและทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา โดยนำตัวเลขของราคาในอดีตมาคำนวณค่าเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนดจากนั้นแสดงออกมาในรูปแบบของเส้นกราฟบนกราฟราคา โดย Moving Average ประกอบไปด้วย 2 ประเภทหลักที่นิยมใช้ดังนี้ครับ
- Simple Moving Average (SMA)
- Exponential Moving Average (EMA)
คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere : Moving Average ถือเป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์ Forex พื้นฐานที่ใช้งานง่ายและเทรดเดอร์มือใหม่ควรเริ่มต้นศึกษาครับ
อินดิเคเตอร์ Moving Average ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- Moving Average สามารถใช้ระบุแนวโน้มของทิศทางราคาได้
- Moving Average สามารถใช้สร้างเส้นแนวรับ-แนวต้านให้กับตัวเทรดเดอร์เองได้
- Moving Average ช่วยระบุจุดเข้าซื้อ-จุดขายผ่านการตัดกันของเส้น Period
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Moving Average
เนื่องจาก Moving Average เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้สำหรับระบุแนวโน้ม ทำให้การตั้งค่าอินดิเคเตอร์มีผลต่อการให้สัญญาณ เช่น หากตั้งค่าให้สัญญาณไว โอกาสในการพบสัญญาณหลอกก็ยิ่งเยอะ แต่หากตั้งค่าสัญญาณช้าก็อาจทำให้พลาดโอกาสในการเทรด นอกจากนี้ Moving Average ยังไม่สามารถระบุจุดกลับตัวของราคาได้แม่นยำเท่าอินดิเคเตอร์ประเภท Momentum Indicators
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Relative Strength Index (RSI)

Relative Strength Index หรือ RSI คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Momentum ที่วัดความแข็งแกร่งของราคา โดยอาศัยการคำนวณจากตัวเลขของราคาปิด 14 วันย้อนหลัง แล้วแสดงผลออกมาในรูปแบบของกราฟตัวเลขตั้งแต่ 0-100 ซึ่ง RSI ยังช่วยบอกสภาวะของ Overbought & Oversold ในตลาด ณ ช่วงเวลานั้นเช่นกัน โดยมีหลักการอ่านจากค่ากราฟดังนี้ครับ
- หาก RSI < 30 แสดงว่า เกิดสภาวะขายมากเกินไป หรือ “Oversold”
- หาก RSI > 70 แสดงว่า เกิดสภาวะซื้อเกินไป หรือ “Overbought”
อินดิเคเตอร์ Relative Strength Index (RSI) ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- Relative Strength Index (RSI) ช่วยระบุจุดซื้อ-ขายให้แก่ตัวเทรดเดอร์
- Relative Strength Index (RSI) ช่วยระบุการเกิดสัญญาณการกลับตัวของราคาและการเกิด Divergence
- Relative Strength Index (RSI) ช่วยบอกแนวโน้มทิศทางราคาผ่านสภาวะการซื้อขายในตลาด
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Relative Strength Index (RSI)
Relative Strength Index (RSI) มีข้อจำกัดการใช้งานในตลาด Sideways เนื่องจาก ในตลาด Sideways มีการเคลื่อนไหวของทิศทางราคาในกรอบแคบ ซึ่งตัว RSI จะให้สัญญาณ Overbought และ Oversold บ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นสัญญาณหลอก นอกจากนี้ อินดิเคเตอร์ RSI ยังไม่สามารถระบุเทรนด์ของตลาดได้ ทำได้เพียงบอกระดับแรงซื้อหรือแรงขายเท่านั้น
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Bollinger Bands (BB)

Bollinger Bands (BB) คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Volatility Indicators ใช้สำหรับการวิเคราะห์ความผันผวนของทิศทางราคา โดย Bollinger Bands มีพื้นฐานมาจาก Moving Average ซึ่งจะคำนวณจากตัวเลขของเส้น MA และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ทำให้ Bollinger Bands สามารถระบุเทรนด์ของตลาด ณ เวลานั้น, ระบุแนวโน้มทิศทางราคา, ความผันผวนของราคา หรือการเกิดสัญญาณต่าง ๆ เป็นต้น
อินดิเคเตอร์ Bollinger Bands (BB) ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- Bollinger Bands (BB) ช่วยระบุเทรนด์ของตลาด ณ ช่วงเวลานั้น ว่าเป็น Up Trend, Down Trend หรือ Sideways
- Bollinger Bands (BB) ใช้สร้างเส้นแนวรับ-แนวต้านให้ตัวเทรดเดอร์ได้
- Bollinger Bands (BB) ช่วยระบุจุดเข้าซื้อ-จุดขายที่ดีที่สุด
- Bollinger Bands (BB) ช่วยบอกแนวโน้มของทิศทางราคาได้
- Bollinger Bands (BB) ช่วยบอกความผันผวนของราคา ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ประเมินความเสี่ยงได้
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Bollinger Bands (BB)
Bollinger Bands (BB) มีข้อจำกัดการใช้งานในกรณีตลาด Sideways เนื่องจากกรอบของ Bollinger Bands จะแคบ และส่งผลให้สัญญาณที่เกิดขึ้น มักเป็นสัญญาณหลอก
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Stochastic Oscillator

Stochastic Oscillator คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Momentum ใช้ระบุการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์จากการแกว่งตัวของราคา ณ ช่วงเวลาที่ผ่านมาโดยคำนวณจากราคาสูงสุดและต่ำสุด ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ RSI เป็นอย่างมาก แต่มีจุดที่แตกต่าง คือ การนำเอาข้อมูลมาคำนวณและการแสดงผลของกราฟที่แตกต่างกันครับ
อินดิเคเตอร์ Stochastic Oscillator ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- Stochastic Oscillator ช่วยบอกแนวโน้มทิศทางราคา
- Stochastic Oscillator ช่วยบอกการเกิดสัญญาณการกลับตัวของราคาและการเกิด Divergence
- Stochastic Oscillator ช่วยระบุจุดซื้อ-ขายที่ดีที่สุดให้กับเทรดเดอร์
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Stochastic Oscillator
Stochastic Oscillator มักทำงานได้ดีในตลาด Sideways หรือกรอบระยะสั้น แต่ในตลาดที่มีเทรนด์แรง สัญญาณ Overbought/Oversold ที่เกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณหลอกได้
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Moving Average Convergence Divergence (MACD)

MACD หรือ Moving Average Convergence Divergence คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Momentum ใช้สำหรับวัดการแกว่งตัวของราคาและทิศทางของแนวโน้มราคา เหมาะสำหรับการใช้ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มหรือทิศทางที่ชัดเจน
อินดิเคเตอร์ MACD ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- MACD ช่วยระบุสัญญาณการซื้อ-ขายให้กับตัวเทรดเดอร์
- MACD ช่วยระบุสัญญาณของการเกิด Divergence
- MACD ช่วยบอกแนวโน้มของทิศทางราคาและเทรนด์ราคาได้
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : MACD
MACD เป็นอินดิเคเตอร์ที่ให้สัญญาณค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากจำเป็นจะต้องใช้เส้นค่าเฉลี่ยสำหรับตีกราฟหลัก ๆ จำนวน 3 ค่า ได้แก่ EMA 12 วัน, EMA 26 วัน และ EMA 9 วัน นอกจากนี้ ยังไม่เหมาะที่จะใช้วิเคราะห์ในแนวโน้มระยะสั้นหรือตลาด Sideways เนื่องจากอินดิเคเตอร์สามารถเกิดสัญญาณหลอกได้ง่ายกว่าตลาดที่มี Trends ชัดเจน
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Parabolic Sar

Parabolic Sar คือ อินดิเคเตอร์ที่แสดงผลออกมาในรูปแบบของจุดไข่ปลา โดยความถี่ของจุดไข่ปลาที่แสดงออกมาจะบ่งบอกถึงความผันผวนของตลาด ณ ช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ ทิศทางของไข่ปลายังช่วยบอกแนวโน้มทิศทางราคาได้เช่นกันครับ
อินดิเคเตอร์ Parabolic Sar ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- Parabolic Sar สามารถบอกแนวโน้มของราคาได้
- Parabolic Sar สามารถดูได้ว่า แนวโน้มราคา ณ ตอนนั้นฝั่งใดมีโอกาสชนะสูง
- Parabolic Sar สามารถดูความผันผวนของราคาได้โดยความถี่ของจุดไข่ปลา
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Parabolic Sar
Parabolic Sar มักเกิดสัญญาณหลอกบ่อยครั้งในกรณีที่ตลาดอยู่ในช่วง Sideways หรือมีกรอบราคานิ่ง นอกจากนี้ ยังไม่เหมาะที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ในกรอบ Time Frame ที่สั้น (ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง)
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Pivot Point

Pivot Point คือ อินดิเคเตอร์สำหรับระบุแนวรับ-แนวต้านแบบอัตโนมัติ ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการเทรด Forex เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ตัว Pivot Point ยังสามารถวัดระดับความแข็งแกร่งของราคาจากการสังเกตเส้นระดับ Pivot Point ซึ่งสามารถคาดการณ์แนวโน้มทิศทางราคาได้
อินดิเคเตอร์ Pivot Point ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- Pivot Point ช่วยระบุเส้นแนวรับ-แนวต้าน 3 ระดับ
- Pivot Point ช่วยวัดระดับความแข็งแกร่งของราคาและแนวโน้มทิศทางราคา
- Pivot Point ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถประยุกต์ใช้กับ Stop Loss และ Take Profit ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Pivot Point
แม้ว่า Pivot Point จะช่วยบอกระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกเส้นจะทำงานได้จริงเสมอไป ทำให้เทรดเดอร์ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ นอกจากนี้ Pivot Point ยังมีข้อจำกัดในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของราคาต่ำหรือไม่ต่อเนื่อง ทำให้ระดับ Pivot Point ที่คำนวณได้นั้น อาจไม่มีความแม่นยำ
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ CCI (Commodity Channel Index)

CCI หรือ Commodity Channel Index คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Momentum ที่ใช้สำหรับวัดระดับความแข็งแกร่งของราคาสินทรัพย์ ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์แนวโน้มการกลับตัวของราคาแล้วระบุจุดสำหรับเข้าซื้อ-ขายได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
อินดิเคเตอร์ CCI Indicator ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- CCI ช่วยระบุภาวะ Overbought และ Oversold รวมถึงระบุจุดกลับตัวของราคา
- CCI ใช้เพื่อบอกสัญญาณซื้อขาย
- CCI ใช้เพื่อบอกแนวโน้มทิศทางราคาสินทรัพย์
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : CCI Indicator
เนื่องจาก CCI ไม่มีขอบเขตหรือขีดจำกัดบนล่างเหมือนอินดิเคเตอร์อื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้การวิเคราะห์ระดับ Overbought / Oversold ยากกว่าปกติ ส่งผลให้ยากต่อการตีความและต้องอาศัยประสบการณ์ในการใช้งานที่สูง
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Fibonacci Indicator

Fibonacci Indicator คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้สำหรับระบุจุดพักตัวของราคา รวมไปถึงจุดสำหรับทำกำไรและจุดหยุดขาดทุนได้ ซึ่ง Fibonacci มีด้วยกันหลายประเภท โดยประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Fibonacci Retracement ครับ
อินดิเคเตอร์ (Indicator) Fibonacci Indicator ใช้ทำอะไรบ้าง ?
- Fibonacci Indicator ช่วยระบุแนวรับและแนวต้าน
- Fibonacci Indicator ช่วยระบุจุดกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Fibonacci Indicator
การใช้งาน Fibonacci Indicator มีข้อจำกัดในด้านความแม่นยำ เพราะผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการเลือกจุด High และ Low ของเทรดเดอร์ รวมถึงวิธีการตีความที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดระดับแนวรับ–แนวต้านที่ไม่ตายตัว และอาจให้ผลลัพธ์ในการตีเกิดความคลาดเคลื่อนได้หากใช้งานไม่ถูกต้อง
——————– ——————–
อินดิเคเตอร์ Ichimoku

Ichimoku Indicator คือ อินดิเคเตอร์ที่ถูกพัฒนาโดยชาวญี่ปุ่นในช่วงปี 1930 ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายจนได้รับฉายาว่า “อินดิเคเตอร์แม่บ้าน” เพราะแม้แต่แม่บ้านก็ยังสามารถทำกำไรได้ โดย Ichimoku สามารถใช้วัดความแข็งแรงของแนวโน้มราคา ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งในช่วง Uptrend และ Downtrend ครับ
อินดิเคเตอร์ Ichimoku ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
- Ichimoku ช่วยบอกจุดเข้าซื้อ-จุดขาย
- Ichimoku ช่วยบอกความผันผวนของราคาได้จากขนาดของเมฆ
- Ichimoku ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ทิศทางราคาได้ในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
ข้อจำกัดการใช้งานของ Indicator : Ichimoku
Ichimoku ใช้วิเคราะห์ได้ดีในแนวโน้มระยะกลางหรือระยะยาว แต่ยังไม่เหมาะกับการใช้วิเคราะห์เพื่อการเทรดในระยะสั้น นอกจากนี้ การแสดงผลของกราฟ อาจทำให้เกิดความสับสนหรือตีความสัญญาณผิดได้ง่าย ดังนั้น การใช้งาน Ichimoku จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์อย่างมาก
——————– ——————–
วิธีเลือกใช้อินดิเคเตอร์ Forex ให้เหมาะกับตนเอง
พิจารณาจากสไตล์การเทรดของตนเอง
- หากเป็นเทรดเดอร์ที่เน้นเทรดระยะสั้นแนะนำให้ใช้ Indicator ที่ให้สัญญาณเร็ว
- หากเป็นเทรดเดอร์ที่เน้นเทรดระยะกลางแนะนำให้ใช้ Indicator ที่ให้สัญญาณชัดเจน
- หากเป็นเทรดเดอร์ที่เน้นเทรดระยะยาวแนะนำให้ใช้ Indicator ที่ใช้วิเคราะห์แนวโน้มโดยตรง
เข้าใจความเป็น Indicator แต่ละชนิดให้ละเอียดและครอบคลุมมากที่สุด
เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจ Indicator แต่ละชนิดให้ครบถ้วนในทุก ๆ เรื่อง เพื่อให้การใช้งาน Indicator ตอบโจทย์กับการเทรดและถูกวัตถุประสงค์ของ Indicator แต่ละประเภท หากมีการเลือกใช้ที่ผิดวัตุประสงค์หรือเลือกใช้ไม่ตรงกับความสามารถของ Indicator เองอาจส่งผลเสียแก่ตัวเทรดเดอร์ได้ครับ
ไม่ควรเลือกใช้อินดิเคเตอร์เยอะเกินความจำเป็น
ไม่ควรเลือกใช้อินดิเคเตอร์ที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนในเชิงเทคนิคและทางการใช้งาน หากเป็นเทรดเดอร์มือใหม่แนะนำให้เริ่มจาก 1-2 ชนิดที่สามารถใช้งานควบคู่กันได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์เชิงเทคนิคที่ตรงจุด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความถนัดของเทรดเดอร์แต่ละคนด้วยเช่นกันครับเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์เชิงเทคนิคที่ตรงจุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดของเทรดเดอร์แต่ละคนด้วยเช่นกันครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ (Indicator)
แนะนำอินดิเคเตอร์ Forex อะไรบ้าง ?
สำหรับอินดิเคเตอร์ Forex ที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรศึกษาและเรียนรู้การใช้งานไว้ และได้รับการแนะนำจากเทรดเดอร์รายอื่น ๆ มีดังนี้
- Moving Average
- Relative Strength Index (RSI)
- Bollinger Bands
- Stochastic Oscillator
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
Indicator Forex บอกจุดเข้า มีอะไรบ้าง ?
สำหรับ Indicator Forex ที่ใช้สำหรับบอกจุดเข้าเทรดที่เทรดเดอร์นิยมใช้ มีดังนี้
- Stochastic Oscillator
- Relative Strength Index (RSI)
- Parabolic Sar
- CCI Indicator
ทั้งนี้ อินดิเคเตอร์ดังกล่าวไม่ได้ให้สัญญาณระบุจุดเข้าออกที่แม่นยำ 100% เทรดเดอร์จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออื่น ๆ ควบคู่ไปกับอินดิเคเตอร์ระบุจุดเข้าออก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการเกิดสัญญาณหลอกครับ
Indicator ที่แม่นยำที่สุดคืออะไร ?
ในปัจจุบันยังไม่มี Indicator ที่มีความแม่นยำมากที่สุดครับ เพราะ Indicator ทุกชนิดมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ จนทำให้เกิดความผันผวนของราคา จึงยากที่ Indicator จะสามารถคำนวณและแสดงผลออกมาได้แม่นยำ 100% ดังนั้นแล้ว เทรดเดอร์ควรศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการใช้ Indicator ในการเทรดเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นครับ
สรุปเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ Forex (Indicator) ที่แม่นยำที่สุด
อินดิเคเตอร์ Forex (Indicator Forex) คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์กราฟราคาในตลาด Forex การนำมาใช้ควบคู่กับการเทรด ถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของราคาได้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม อินดิเคเตอร์อาจช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางราคาได้ง่ายขึ้น แต่ก็สามารถทำให้เกิดสัญญาณหลอกหรือสัญญาณล่าช้าได้เช่นกัน ซึ่งเป็นจุดที่จะต้องพึงระวังเป็นอย่างมาก
ดังนั้นแล้ว ทีมงาน Gotradehere หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทรดเดอร์จะไม่ลืมศึกษาปัจจัยอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการเทรดและการใช้ Indicator เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเกิดสัญญาณหลอกหรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์หลายท่านต้องการมากที่สุดครับ