ทนายความของกระดานเทรด FTX กล่าวในการพิจารณาคดีครั้งแรกในศาลล้มละลายของรัฐบาลในเดลาแวร์ ประเทศสหรัฐฯ ว่า “สินทรัพย์จำนวนมากของ FTX ถูกขโมยหรืออาจจะหายไป”
ซึ่ง James Bromley จากสำนักงานกฎหมาย Sullivan & Cromwell ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาโดยผู้นำ FTX คนใหม่เผยว่า “สิ่งที่เรามี คือ องค์กรระดับโลก เป็นองค์กรที่ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและทำให้เราได้เห็นการล่มสลายอย่างกระทันหันและนับเป็นครั้งที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่อยู่ในอเมริกา”
โดย James Bromley เล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับ FTX นั้น เกิดหลังจากที่ FTX ยื่นฟ้องล้มละลายในบทที่ 11 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิการยนที่ผ่านมา ซึ่งการยื่นฟ้องล้มละลายในครั้งนี้ทำให้ FTX มีเจ้าหนี้มากกว่า 1 แสนรายและมีแนวโน้มจะมากกว่า 1 ล้านรายเลยทีเดียว
ซึ่งในเอกสารที่นำเสนอในการพิจารณาคดีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงหมู่เกาะเคย์แมนที่มีผู้ใช้งานกระดานเทรด FTX มากที่สุดในโลก (ประมาณ 22%) ของผู้ใช้งานกระดานเทรดทั่วโลก ก่อนที่จะมีการล่มสลายครั้งล่าสุดเกิดขึ้น และตามมาด้วยผู้ใช้งานจากหมู่เกาะเวอร์จิน 11%, ผู้ใช้งานในสหราชอาณาจักรราว 8% และผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ราว 2% จากผู้ใช้งานทั่วโลก
ทางด้าน FTX Trading และบริษัทในเครือกว่า 130 แห่งได้กลายเป็นลูกหนี้ของลูกค้ากว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ ตามการคำนวณที่ระบุใน FTX ในเอกสารการยื่นล้มละลายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้มีการระบุชื่อเจ้าหนี้ไว้ในเอกสาร และในวันอังคารที่ผ่านมาที่มีการพิจารณาคดี ด้านผู้พิพากษาศาลแขวงเดลาแวร์ได้ทำการยื่นญัตติให้แก้ไขชื่อเจ้าหนี้ 50 อันดับแรก และจะทำการพิจารณาใหม่ในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม FTX มีพนักงานประมาณ 260 คนในปัจจุบัน ซึ่งตัวแทนของทาง FTX กล่าวกับผู้พิพากษาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ”FTX ไม่เพียงประสบกับปัญหด้านการเงิน แต่ยังวิกฤตในด้านความเป็นผู้นำอีกด้วย” ซึ่งที่ผ่านมา FTX ถูกควบคุมโดยคนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งนำโดย Sam Bankman-Fried และพนักงานกล่าวว่า ความเป็นผู้นำของ Sam ค่อนข้างจะล้มเหลว ทำให้นำไปสู่การล่มสลายก่อนที่จะลาออกจากตำแหน่งในท้ายที่สุด