Divergence คืออะไร สุดยอดเทคนิคการหา “จุดกลับตัวที่ซ่อนอยู่” หากคุณอยากหาจุดเข้าซื้อ-ขายที่ดีที่สุด การศึกษาเรื่อง Divergence คือคำตอบครับ
Divergence คือ หนึ่งในเทคนิคสำคัญที่ใช้งานควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ด้วยอินดิเคเตอร์ได้เป็นอย่างดี แล้วการใช้ Divergence ต้องทำยังไง หรือมีเทคนิคสำคัญอะไรบ้างที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรรู้ ติดตามกันได้ในบทความนี้เลยครับ
——————–🐣——————–
Divergence คืออะไร?
Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างกราฟราคาจริงและอินดิเคเตอร์ หรือก็คือ การที่กราฟราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่ง แต่สัญญาณอินดิเคเตอร์มีการเคลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งเราจะเรียกสัญญาณนี้ว่า Divergence ครับ
รูปแบบของการเกิด Divergence มีอะไรบ้าง ?
Bullish Divergence คืออะไร ?
Bullish Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าราคาในตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น โดยมีหลักการ ดังนี้
- ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งต่ำกว่าจุดก่อนหน้า (Lower Low)
- อินดิเคเตอร์แสดงผลเป็นจุดต่ำสุดใหม่ แต่สูงกว่าจุดต่ำก่อนหน้า (Higher Low)
- แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันตลาดมีแนวโน้มขาลงที่กำลังอ่อนแรงและมีโอกาสกลับตัวขึ้นไป
Bearish Divergence คืออะไร ?
Bearish Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่ใช้เพื่อคาดการณ์ว่าราคาในตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง โดยมีหลักการ ดังนี้
- ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งสูงกว่าจุดก่อนหน้า (Higher High)
- อินดิเคเตอร์แสดงผลเป็นจุดสูงสุดใหม่ แต่ต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า (Lower High)
- แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันตลาดมีแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังอ่อนแรงและมีโอกาสกลับตัวลง
ความแตกต่างระหว่าง Convergence และ Divergence
สำหรับ Convergence และ Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ทิศทางราคาได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยทั้ง 2 สัญญาณมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- Convergence คือ การที่ทิศทางราคาและอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน แสดงถึงแนวโน้มราคาที่แข็งแกร่ง และการดำเนินต่อไปในแนวโน้มนั้น ๆ
- Divergence คือ การที่ทิศทางราคาและอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่สวนทางกัน แสดงถึงโอกาสการกลับตัวของราคาในอนาคต
ศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับการเทรดด้วย Divergence
คำศัพท์ | ความหมาย |
Lower Low | จุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า |
Higher Low | จุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า |
Equal Low | จุดต่ำสุดใหม่ที่ใกล้เคียงหรือต่ำสุดเท่าเดิม |
Equal High | จุดสูงสุดใหม่ที่ใกล้เคียงหรือสูงสุดเท่าเดิม |
Higher High | จุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า |
Lower High | จุดสูงสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า |
ประเภทของ Divergence ที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง ?
Regular Divergence คืออะไร ?
Regular Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน โดยทิศทางราคาและอินดิเคเตอร์มีการเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม หรือก็คือ การเกิดสัญญาณ Divergence แบบปกติ โดย Regular Divergence แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
- Bullish Divergence
- Bearish Divergence
Hidden Divergence คืออะไร ?
Hidden Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน เพื่อใช้ยืนยันการไปต่อของทิศทางราคา โดยทิศทางราคาและอินดิเคเตอร์มีการเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม โดย Hidden Divergence แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- Hidden Bullish Divergence คือ ราคาทำจุดต่ำสุด แต่สูงกว่าจุดก่อนหน้า (Higher Low) และอินดิเคเตอร์ทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งต่ำกว่าจุดก่อนหน้า (Lower Low) แสดงถึงแนวโน้มการไปต่อในทิศทางขาขึ้น
- Hidden Bearish Divergence คือ ราคาทำจุดสูงสุด แต่ต่ำกว่าจุดก่อนหน้า (Lower High) และอินดิเคเตอร์ทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งสูงกว่าจุดก่อนหน้า (Higher High) แสดงถึงแนวโน้มการไปต่อในทิศทางขาลง
เทคนิคการใช้ Divergence Forex ในการเทรดจริง
เทคนิคการใช้ Divergence สำหรับการเทรดจริงในตลาด Forex ทางเราได้รวบรวมเทคนิคสำคัญที่ใช้งานควบคู่กับอินดิเคเตอร์หรือควบคู่กับการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้งานได้จริง โดยมีเทคนิคที่น่าสนใจดังนี้ครับ
- เทคนิคการเทรดด้วย MACD Divergence
- เทคนิคการเทรดด้วย RSI Divergence
- เทคนิคการเทรดด้วย Stochastic Divergence
เทคนิคการเทรดด้วย MACD Divergence
MACD Divergence คืออะไร ?
MACD Divergence คือ สัญญาณที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างราคาสินทรัพย์และอินดิเคเตอร์ ซึ่งอินดิเคเตอร์ในที่นี้จะใช้เป็น Moving Average Convergence Divergence (MACD) โดยเราจะดูสัญญาณที่เกิดขึ้นที่ Histogram, MACD Line หรือ Signal Line นั่นเอง
วิธีใช้งาน MACD Indicator บน TradingView
โดยคุณสามารถใช้งาน MACD Indicator ผ่านแพลตฟอร์มของ TradingView ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ครับ
- ไปที่เว็บไซต์ TradingView และเลือกใช้งาน “ซูเปอร์ชาร์ต”
- เลือกฟังก์ชัน “อินดิเคเตอร์”
- จากนั้นค้นหาคำว่า “MACD” แล้วเลือกที่ “Moving Average Convergence Divergence”
ตัวอย่างการเทรด Divergence Forex บนอินดิเคเตอร์ MACD
🐔 ตัวอย่าง : จากกราฟจะเห็นว่ากราฟราคาสร้าง Higher High (HH) ในขณะที่อินดิเคเตอร์ MACD กลับแสดงผลเป็น Lower High (LH) ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเรียกว่า Strong Bearish Divergence เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงแรงซื้อที่อ่อนแอลงและมีโอกาสกลับตัว (Reversal) ได้สูง แนะนำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell จะได้เปรียบกว่า และตั้ง Stop Loss เหนือจุด HH เพื่อป้องกันความเสี่ยงครับ
🐔 ตัวอย่าง : จากกราฟจะเห็นว่ากราฟราคาสร้าง Lower High (LH) ในขณะที่อินดิเคเตอร์ MACD กลับแสดงผลเป็น Higher High (HH) ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเรียกว่า Hidden Bearish Divergence เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการไปต่อในแนวโน้มขาลง แนะนำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell จะได้เปรียบกว่า และตั้ง Stop Loss เหนือจุด LH เพื่อป้องกันความเสี่ยงครับ
——————–🐣——————–
เทคนิคการเทรดด้วย RSI Divergence
RSI Divergence คืออะไร ?
RSI Divergence คือ สัญญาณที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างราคาสินทรัพย์และอินดิเคเตอร์ ซึ่งอินดิเคเตอร์ในที่นี้จะใช้เป็น Relative Strength Index ซึ่งใช้วัดแรงซื้อหรือแรงขาย (Momentum) ที่อาจอ่อนตัวลงและอาจเกิดการกลับตัวได้ในอนาคต
วิธีใช้งาน RSI Inidcator บน TradingView
โดยคุณสามารถใช้งาน RSI Indicator ผ่านแพลตฟอร์มของ TradingView ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ครับ
- ไปที่เว็บไซต์ TradingView และเลือกใช้งาน “ซูเปอร์ชาร์ต”
- เลือกฟังก์ชัน “อินดิเคเตอร์”
- จากนั้นค้นหาคำว่า “RSI”
- แล้วเลือกที่อินดิเคเตอร์ “อินดิเคเตอร์ RSI Divergence”
คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere : การเลือกใช้งาน “อินดิเคเตอร์ RSI Divergence” จะช่วยให้มือใหม่สามารถหาจุดที่มีการเกิด Divergence ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่ต้องไม่ลืมที่จะบริหารความเสี่ยง รวมถึงคำนึงว่าอินดิเคเตอร์ไม่ได้ให้สัญญาณที่แม่นยำ 100%
ตัวอย่างการเทรด Divergence Forex บนอินดิเคเตอร์ RSI
🐔 ตัวอย่าง : จากกราฟจะเห็นว่ากราฟราคาทำ Higher High (HH) แต่อินดิเคเตอร์ RSI แสดงผลเป็น Lower High (LH) ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเรียกว่า Strong Bearish Divergence เป็นสัญญาณบ่งบอกการกลับตัวไปในทิศทางขาลงที่แข็งแกร่ง แนะนำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell จะได้เปรียบกว่า โดยอาจรอสัญญาณเข้า เมื่อราคาเคลื่อนที่ลงมาแตะที่จุด RSI ต่ำกว่าค่า 70 จะลดความเสี่ยงได้มากกว่า จากนั้นตั้ง Stop Loss เหนือจุด Higher High ของราคาเล็กน้อยเพื่อป้องกันความเสี่ยง
นอกจากนี้ เทรดเดอร์สามารถยืนยันสัญญาณการกลับตัวจากสภาวะการซื้อที่มากเกินไป (Overbought) บน RSI Indicator เพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์ด้วย Divergence ได้เช่นกันครับ
——————–🐣——————–
เทคนิคการเทรดด้วย Stochastic Divergence
Stochastic Divergence คืออะไร ?
Stochastic Divergence คือ สัญญาณที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างราคาสินทรัพย์และอินดิเคเตอร์ ซึ่งอินดิเคเตอร์ในที่นี้จะใช้เป็น Stochastic Oscillator ซึ่งใช้วัดแรงซื้อหรือแรงขาย (Momentum) เช่นเดียวกันกับ RSI แต่มีจุดเด่นที่ Stochastic Divergence เหมาะสำหรับการจับสัญญาณ “การกลับตัวในระยะสั้น” เพราะ Stochastic มีความไวต่อการเคลื่อนไหวของราคาครับ
วิธีใช้งาน Stochastic Oscillator บน TradingView
โดยคุณสามารถใช้งาน Stochastic Oscillator ผ่านแพลตฟอร์มของ TradingView ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้ครับ
- ไปที่เว็บไซต์ TradingView และเลือกใช้งาน “ซูเปอร์ชาร์ต”
- เลือกฟังก์ชัน “อินดิเคเตอร์”
- จากนั้นค้นหาคำว่า “Stochastic” แล้วเลือกที่อินดิเคเตอร์ “Stochastic”
ตัวอย่างการเทรด Divergence Forex บนอินดิเคเตอร์ Stochastic Oscillator
🐔 ตัวอย่าง : จากกราฟจะเห็นว่ากราฟราคาทำ Higher High (HH) ในขณะที่อินดิเคเตอร์แสดงผลเป็น Equal High ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเรียกว่า Weak Bearish Divergence เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับตัวไปในทิศทางขาลงที่อ่อนแอ (มีโอกาสต่ำที่จะกลับตัว) แนะนำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell จะได้เปรียบกว่า โดยรอสัญญาณการกลับตัวจากอินดิเคเตอร์ Stochastic (เมื่อ %K เคลื่อนที่ลงมาต่ำกว่าค่า 80) ก่อน จึงค่อยเปิดออเดอร์ เพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก และวาง Stop Loss เหนือจุด Higher High ของราคาเล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงครับ
และเช่นเดียวกัน Stochastic ยังสามารถยืนยันการกลับตัวของราคาจากสภาวะการซื้อขายที่มากเกินไป (Overbought & Oversold) ได้เหมือนกันกับ RSI Indicator ครับ
🐔 ตัวอย่าง : จากกราฟจะเห็นว่ากราฟราคาทำ Lower Low (LL) ในขณะที่อินดิเคเตอร์แสดงผลเป็น Higher Low (HL) ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเรียกว่า Strong Bullish Divergence เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับตัวไปในทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แนะนำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy จะได้เปรียบกว่า โดยรอสัญญาณการกลับตัวจากอินดิเคเตอร์ก่อน (เมื่อ %K เคลื่อนที่ขึ้นไปสูงกว่าค่า 20) จึงค่อยเปิดออเดอร์ เพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก และวาง Stop Loss ใต้จุด Lower Low ของราคาเล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงครับ
ข้อดี-ข้อจำกัดของการใช้งานเทคนิค Divergence
ข้อดีของการใช้ Divergence
- ช่วยบอกสัญญาณการกลับตัวของราคาจาก Regular Divergence หรือสัญญาณการไปต่อในแนวโน้มเดิมจาก Hidden Divergence
- ช่วยระบุจุดเข้าออกที่แม่นยำและคุ้มค่าที่สุด
- ใช้งานได้ดีกับทุก Time Frame
- สามารถใช้ควบคู่กับ Indicator หรือเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ
ข้อจำกัดของการใช้ Divergence
- Divergence ไม่ได้ให้สัญญาณการกลับตัว 100%
- Divergence ไม่ได้ระบุเวลาที่เกิดการกลับตัวอย่างชัดเจน
- สัญญาณ Divergence สามารถเกิดขึ้นได้ช้ากว่าการเคลื่อนไหวจริงของราคา ส่งผลให้อาจพลาดโอกาสในการเทรด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Divergence
Divergence มีกี่แบบ ?
Divergence แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- Regular Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่ใช้ยืนยันการกลับตัวของราคาสินทรัพย์ เกิดขึ้นเมื่อกราฟราคาและอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม
- Hidden Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่ใช้ยืนยันการไปต่อของแนวโน้มราคาสินทรัพย์ในตลาด โดยเกิดขึ้นเมื่อกราฟทิศทางราคาและกราฟอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ขัดแย้งกันหรือตรงกันข้าม
Divergence RSI คืออะไร ?
Divergence RSI คือ สัญญาณความขัดแย้งกันระหว่างกราฟราคาและอินดิเคเตอร์ที่เทรดเดอร์ใช้งาน ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงการใช้งานอินดิเคเตอร์ RSI (Relative Strength Index)
MACD Divergence ดูยังไง ?
วิธีการดูสัญญาณ MACD Divergence แนะนำให้เทรดเดอร์สังเกตกราฟราคาและเส้น MACD Line หรือ Signal Line จะง่ายกว่า ทั้งนี้ อาจสังเกตที่แท่ง Histogram ควบคู่กับกราฟราคาไปด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์
Hidden Divergence มีกี่แบบ ?
Hidden Divergence มีอยู่ 2 แบบ ได้แก่
- Hidden Bullish Divergence คือ สัญญาณแสดงถึงการไปต่อในทิศทางขาขึ้น
- Hidden Bearish Divergence คือ สัญญาณแสดงถึงการไปต่อในทิศทางขาลง
สรุปการใช้งานเทคนิค Divergence คืออะไร
Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้น เมื่อกราฟราคาและกราฟอินดิเคเตอร์เคลื่อนไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม ซึ่งเทรดเดอร์จะใช้สัญญาณนี้เพื่อยืนยันแนวโน้มการกลับตัวหรือการไปต่อในทิศทางเดิม และใช้สำหรับการวิเคราะห์จุดเข้า-ออกออเดอร์ที่ดีที่สุด โดยเทคนิคการใช้ Divergence ที่เราแนะนำ มีดังนี้
- เทคนิคการเทรดด้วย MACD Divergence
- เทคนิคการเทรดด้วย RSI Divergence
- เทคนิคการเทรดด้วย Stochastic Divergence
อย่างไรก็ตาม การใช้งานเทคนิค Divergence ก็มีข้อจำกัดที่เทรดเดอร์ควรระวัง เนื่องจากการวิเคราะห์และการเทรดด้วย Divergence ไม่ได้การันตีสัญญาณการกลับตัวของทิศทางราคา 100% ดังนั้น เทรดเดอร์จำเป็นที่จะต้องใช้งานเทคนิคหรือเครื่องมืออื่น ๆ ควบคู่ไปกับการใช้งาน Divergence เพื่อลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกและไม่ลืมที่จะบริหารความเสี่ยงในการเทรดทุกครั้งครับ
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere : นอกจากการใช้งาน Divergence สำหรับการวิเคราะห์กราฟ Forex ยังมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ ที่เทรดเดอร์สามารถใช้งานควบคู่กับ Divergence ได้ โดยคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความด้านล่างนี้เลยครับ