Peer-to-Peer (P2P) เป็นระบบที่ช่วยให้นักลงทุนในตลาดคริปโตสามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างเซิร์ฟเวอร์หรือบุคคลที่สาม เรามาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นว่า P2P คืออะไร มีการทำงานอย่างไร? เหมาะกับนักลงทุนอย่างเราหรือไม่? บทความนี้มีคำตอบครับ
———————————— 🐣 ————————————
Peer-to-Peer หรือ P2P คืออะไร? ในการเทรดคริปโต
P2P คือ แนวคิดที่ถูกนำมาใช้ในตลาดคริปโต (Cryptocurrency) และเทคโนโลยี Blockchain เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายสกุลดิจิทัล โดยผู้ซื้อและขายสามารถทำธุรกรรมด้วยกันได้โดยตรงไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน
อีกทั้ง ในตลาดคริปโตยังนำ Smart Contract มาใช้ร่วมกับระบบ P2P เพื่อรับประกันความเป็นธรรมและความปลอดภัยในการซื้อขายอีกด้วย
ใครเป็นผู้ริเริ่มการใช้ P2P ใน Blockchain
แนวคิดนี้ถูกนำเสนอครั้งแรกโดย Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin ซึ่งเขาออกแบบ Bitcoin ให้เป็นระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบ Peer-to-Peer (P2P Electronic Cash System) ที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง เช่น ธนาคารหรือองค์กรการเงิน เพื่อให้การโอนเงินระหว่างผู้ใช้สามารถทำได้โดยตรงผ่านเครือข่ายของผู้ใช้งานทั้งหมดที่เชื่อมต่อกันในระบบ P2P
ความสำคัญของ Peer-to-Peer (P2P) ใน Blockchain
- P2P ช่วยให้การโอนสกุลเงินดิจิทัลสามารถทำได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางใด ๆ
- Blockchain ใช้เครือข่าย P2P เป็นสมุดบัญชีดิจิทัลที่บันทึกข้อมูลธุรกรรมทั้งหมด
- การซื้อขายแบบ P2P มี Node เพื่อเก็บสำเนาของข้อมูล และเปรียบเทียบกับ Node อื่น ๆ ในเครือข่าย ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้องและลดความเสี่ยงจากการทุจริตได้มากกว่าการพึ่งพาตัวกลาง
- การซื้อขายแบบ P2P ใช้บริการ Escrow เพื่อให้ธุรกรรมการซื้อขายมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
💡 Escrow เป็นระบบการค้ำประกันการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน โดยมี Escrow Agent หรือคนกลางที่เชื่อถือได้เข้ามาดูแลการชำระหนี้ระหว่างคู่สัญญา ผู้ซื้อจะส่งเงินให้ Escrow Agent เก็บรักษา ส่วนผู้ขายส่งมอบทรัพย์ให้ผู้ซื้อ ระบบนี้ช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกังวลเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามสัญญา แม้ว่าในช่วงแรกจะใช้เฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ปัจจุบันได้ขยายไปยังตลาดทุนและสินค้าอื่น ๆ ด้วย
——————–🐣——————–
วิธีการซื้อขายคริปโตแบบ Peer-to-Peer (P2P)
วิธีการซื้อขายคริปโตแบบ Peer-to-Peer (P2P) จำเป็นต้องดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มที่รองรับ ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์จะมีคุณสมบัติและข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป แต่มีขั้นตอนโดยรวมที่คล้ายกัน ดังนี้
1. เลือก Platform และเปิดบัญชีเพื่อทำการซื้อขายแบบ P2P
- เลือก Platform หรือโบรกเกอร์ที่ต้องการ
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อทำการเปิดบัญชี
2. สร้างและเรียกดูรายการสำหรับซื้อขาย
คุณสามารถสร้างข้อเสนอซื้อหรือขาย และเรียกดูข้อเสนอที่มีอยู่ใน Platform ผ่านการระบุเงื่อนไข ดังนี้
- จำนวนคริปโตที่ต้องการซื้อหรือขาย
- ราคาเสนอขายหรือเสนอซื้อ
- วิธีการชำระเงินที่ต้องการ
3. จับคู่เพื่อเริ่มการซื้อขาย
- เลือกราคาที่ต้องการ
- ติดต่อเจรจากับคู่สัญญา
- เลือกวิธีการชำระเงินที่ต้องการ
4. ชำระเงิน (ในกรณีที่คุณเป็นผู้ซื้อ)
- ชำระเงิน
- ส่งหลักฐานยืนยันการชำระเงิน
- รับหรือปล่อยเหรียญคริปโต
- แสดงความคิดเห็นหรือให้คะแนนในการทำธุรกรรม
5. ปล่อยเหรียญคริปโต (ในกรณีที่คุณเป็นผู้ขาย)
เมื่อได้รับการยืนยันการชำระเงินแล้ว ระบบจะปล่อยเหรียญคริปโตจากบัญชี Escrow และโอนเหรียญไปยังกระเป๋าเงินของผู้ซื้อ
ระบบ Peer-to-Peer (P2P) มีอะไรบ้าง? ในตลาดคริปโต
ปัจจุบันมีการนำระบบ Peer-to-Peer (P2P) มาใช้งานในตลาดคริปโตอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่ P2P Lending, P2P Payments และ P2P Trading โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. P2P Lending คืออะไร?
P2P Lending คือ การกู้ยืมระหว่างบุคคลผ่านช่องทางออนไลน์ โดยในตลาดคริปโตผู้กู้จะได้รับเงินกู้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจากผู้ให้กู้โดยตรงแทนที่จะกู้ผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยให้การกู้ยืมสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
อีกทั้ง การใช้ Smart Contract ใน P2P Lending ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรม โดยระบบจะทำการตั้งเงื่อนไขการกู้ยืม, คำนวณดอกเบี้ย และจัดการการชำระเงินคืนอัตโนมัติโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง
ข้อดีของ P2P Lending | ข้อเสียของ P2P Lending |
สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกและรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ | ผู้ให้กู้อาจไม่สามารถถอนเงินได้ตามจำนวนที่ต้องการ |
เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ | ผู้กู้อาจผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามกำหนด |
ผู้ให้กู้ที่มีเงินทุนน้อยก็สามารถให้กู้ยืมได้ | ผู้กู้อาจก่อภาระหนี้ที่เกินตัว |
2. P2P Payments คืออะไร?
P2P Payments คือ การโอนหรือชำระเงินระหว่างบุคคลโดยตรงในตลาดคริปโต ซึ่งผู้โอนและผู้รับสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อชำระเงินได้โดยตรงผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ทำให้การทำธุรกรรมดังกล่าวไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ข้อดีของ P2P Payments | ข้อเสียของ P2P Payments |
มีความสะดวกและความรวดเร็วในการชำระเงิน | อาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม |
สามารถเลือกชำระเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลที่ต้องการได้ เช่น BTC และ ETH | มีความเสี่ยงที่อาจจะถูกฉ้อโกง |
3. P2P Trading คืออะไร?
P2P Trading คือ การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลระหว่างบุคคลโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งจำเป็นต้องทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มที่รองรับเท่านั้น เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยจากการถูกฉ้อโกง
ข้อดีของ P2P Trading | ข้อเสียของ P2P Trading |
ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่ำกว่าการซื้อขายทั่วไป | ไม่มีฝ่ายบริการลูกค้า |
กำหนดราคาและเงื่อนไขในการซื้อขายได้ด้วยตนเอง | ไม่มีการกำหนดระยะเวลาการทำธุรกรรมที่แน่นอน |
รองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น การโอนผ่านธนาคาร, PayPal และระบบการชำระเงินออนไลน์อื่น ๆ | อาจมีความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบธุรกรรมจากหน่วยงานรัฐ |
——————–🐣——————–
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของการเทรดคริปโต แบบ P2P Trading vs Traditional Trading
ข้อควรระวังของการซื้อขายแบบ Peer-to-Peer (P2P)
การซื้อขายคริปโตแบบ Peer-to-Peer (P2P) เปรียบเสมือนการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งมีนักลงทุนบางรายที่เคยถูกโกงจากการทำธุรกรรมดังกล่าว ดังนั้น คุณควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคู่สัญญาที่เราต้องการทำธุรกรรมร่วมด้วยครับ โดยมีจุดสังเกตง่าย ๆ ดังนี้
- ชื่อผู้ใช้งานควรมีเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Verified) หลังชื่อ
- หลีกเลี่ยงผู้ใช้งานที่เสนออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงเกินกว่าตลาดทั่วไป เพราะมีความเสี่ยงที่จะถูกโกง
——————–🐣——————–
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซื้อขาย P2P ในคริปโต
P2P ย่อมาจากอะไร?
P2P ย่อมาจาก Peer-to-Peer เป็นระบบที่เชื่อมโยงอุปกรณ์หรือผู้ใช้งานในเครือข่าย ให้สามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลกันโดยตรงและไม่ผ่านตัวกลาง
Peer-to-Peer (P2P) ใช้งานในด้านไหนบ้าง?
P2P สามารถนำไปใช้ได้หลายด้าน ตัวอย่างเช่น ใช้ P2P ในการแชร์ไฟล์, การสื่อสาร (VoIP), การสตรีมมิง และการซื้อขายคริปโต
P2P อะไรที่ใช้ในการส่งเงินดิจิทัล?
P2P Trading เป็น P2P ที่ใช้ในการซื้อขายเงินดิจิทัลต่าง ๆ ในตลาดคริปโต ซึ่งผู้ใช้สามารถซื้อขายเงินดิจิทัลระหว่างกันได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
สรุปเกี่ยวกับ P2P คืออะไร
Peer-to-Peer (P2P) เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้ซื้อขายข้อมูลกันโดยไม่ผ่านตัวกลาง ซึ่ง P2P ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม และคริปโตก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่นำระบบเครือข่าย P2P มาใช้ เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายกันได้โดยตรง
นอกจากนี้ ผู้ซื้อและผู้ขายยังสามารถกำหนดราคาที่ต้องการและเงื่อนไขการซื้อขายได้ด้วยตนเอง ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและความเร็วในการซื้อขาย อีกทั้งยังช่วยลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมอีกด้วย
ทั้งนี้ การซื้อขายแบบ P2P ในตลาดคริปโตยังมีความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกง เนื่องจากมีรูปแบบการทำงานคล้ายกับการซื้อของออนไลน์ ดังนั้น นักลงทุนควรตรวจสอบผู้ทำการซื้อขาย และตรวจเช็กสลิปโอนเงินทุกครั้ง เพื่อผลประโยชน์ของนักลงทุนทุกท่านครับ
สุดท้ายนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลและความรู้ด้านคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อศึกษาและประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ไม่ใช่บทความเพื่อแนะนำหรือชักชวนให้การลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมและรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนครับ