การเลือกโบรกเกอร์ Forex คือ สิ่งแรกที่เทรดเดอร์มือใหม่ไม่ควรมองข้าม นอกจากการทำความเข้าใจในเรื่องของการเทรด เทคนิคการวิเคราะห์กราฟ หรือแม้แต่ความเข้าใจในสินทรัพย์นั้น ๆ อาจจะเป็นเรื่องที่เทรดเดอร์ต้องให้ความสำคัญ แต่การเลือกโบรกเกอร์ที่ดี คุ้มค่า และไม่เอาเปรียบเทรดเดอร์ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับก้าวแรกในการเริ่มต้นเทรดครับ
ดังนั้นแล้ว จะดีกว่าไหมถ้าเทรดเดอร์สามารถเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ คุ้มค่า และไม่เอาเปรียบเทรดเดอร์ ในบทความนี้ ทีมงาน Gotradehere จะมาแนะนำการเลือกโบรกเกอร์ และคุณสมบัติสำคัญที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้ามในการเลือกโบรกเกอร์ครับ
——————–🐣——————–
โบรกเกอร์ Forex คืออะไร?
โบรกเกอร์ (Broker) หรือนายหน้า คือ บริษัทหรือองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน อาทิเช่น หุ้น, ฟอเร็กซ์, คริปโต, ดัชนี หรือแม้แต่ทองคำ โดยโบรกเกอร์จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงเทรดเดอร์กับตลาดการซื้อขาย ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาดสินทรัพย์ทางการเงินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแล้ว โบรกเกอร์ Forex จึงหมายถึง บริษัทหรือองค์การที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายคู่เงินในตลาด Forex ได้นั่นเองครับ
โดยปกติแล้ว โบรกเกอร์ Forex จะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าถึงตลาดสินทรัพย์ได้ง่ายขึ้นในรูปแบบของการให้บริการผลิตภัณฑ์การเทรดที่รองรับ, การให้บริการ Leverage, โปรโมชั่น, การเข้าถึงแพลตฟอร์มการเทรดที่ทันสมัย, ระบบการฝากถอน, การให้บริการด้านข้อมูล หรือเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นต้นครับ
ถึงแม้ว่า โบรกเกอร์ Forex จะให้บริการที่ครบถ้วนและคอยช่วยเหลือเทรดเดอร์อย่างเต็มที่ แต่ตัวเทรดเดอร์เองอาจจะต้องเสียค่าบริการในการใช้งานโบรกเกอร์ด้วยเช่นกันครับ ดังนั้นแล้ว การเลือกโบรกเกอร์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน น่าเชื่อถือ บริการลูกค้าดี และไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมที่แพงจนเกินไปจึงเป็นสิ่งสำคัญครับ
ทำไมการเลือกโบรกเกอร์ Forex จึงสำคัญ
อย่างที่ได้กล่าวไปในช่วงแรกของบทความครับ การเลือกโบรกเกอร์เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากโบรกเกอร์เปรียบเสมือนตัวกลางที่ช่วยให้เราสามารถเทรดได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และเกิดความคุ้มค่าที่สุด โดยเราได้สรุปความสำคัญของการเลือกโบรกเกอร์ออกมา ดังนี้ครับ
- ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าถึงตลาด Forex ได้ง่ายยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีต้นทุนในการเริ่มเทรดต่ำ จากการให้บริการด้วยค่า Leverage, โปรโมชั่นต่าง ๆ หรือบริการ Free Swap เป็นต้นครับ
- นอกจากจะช่วยให้เข้าถึงตลาดสินทรัพย์แล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้มากขึ้นและลดต้นทุนในการเทรดได้เช่นกันครับ
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดให้แก่ตัวเทรดเดอร์ ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์และบริการอื่น ๆ จากทางโบรกเกอร์
- ป้องกันความเสี่ยงจากการใช้บริการโบรกเกอร์ Forex ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
- ป้องกันการสูญเสียต้นทุนในการเทรดไปกับค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรมจากทางโบรกเกอร์
และในหัวข้อถัดไป เราจะมาพูดถึงคุณสมบัติสำคัญที่เทรดเดอร์จะต้องรู้ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ครับ
——————–🐣——————–
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ต้องดูคุณสมบัติอะไรบ้าง?
ในหัวข้อนี้เราจะมาพูดถึงคุณสมบัติสำคัญที่โบรกเกอร์ควรมีและเทรดเดอร์ควรพิจารณาเสมอ ก่อนตัดสินใจเลือกเปิดบัญชีการเทรด มีดังนี้ครับ
- ตรวจสอบ “ประเภทบัญชี” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “ค่า Spread” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “ค่า Swap” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “ค่า Commission” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “ความน่าเชื่อถือ” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “แพลตฟอร์มการเทรด” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “การให้บริการ” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “ช่องทางการฝาก-ถอน” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
- ตรวจสอบ “โบนัส/โปรโมชั่น” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “ประเภทบัญชี” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องศึกษาประเภทบัญชีที่โบรกเกอร์ให้บริการครับ เนื่องจากบัญชีในแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งคุณสมบัติต่าง ๆ นั้น เราจะพูดถึงกันในหัวข้อถัด ๆ ไปครับ ในหัวข้อนี้เราต้องรู้ว่า ประเภทบัญชีต่าง ๆ เหมาะกับเทรดเดอร์แบบไหน เหมาะกับสไตล์การเทรดของเราหรือไม่ เพราะว่า ถ้าเทรดเดอร์เลือกประเภทบัญชีที่ไม่เหมาะกับตนเอง อาจส่งผลให้เทรดเดอร์ขาดทุนจากการเทรดได้ครับ โดยประเภทบัญชีพื้นฐานที่เทรดเดอร์ควรรู้ มีดังนี้ครับ
- บัญชี Demo หรือบัญชีประเภททดลอง เหมาะสำหรับการฝึกทดลองเทรด หรือทดลองใช้บริการของโบรกเกอร์นั้น ๆ
- บัญชี Cent เป็นประเภทบัญชีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
- บัญชี Micro เป็นประเภทบัญชีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
- บัญชี Standard เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป และเป็นบัญชีที่เทรดเดอร์นิยมใช้มากที่สุด
- บัญชี Raw หรือบัญชีสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรด ซึ่งมักจะมีสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า แต่ก็ต้องแลกมากับการเสียค่าธรรมเนียมในการใช้งาน
ซึ่งบางโบรกเกอร์ อาจมีการให้บริการประเภทบัญชีเพียงประเภทเดียวหรือเพียง 2 ประเภทเท่านั้น อาจทำให้ตัวเลือกการเปิดบัญชีของเราน้อยลง แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่ให้บริการประเภทบัญชีที่หลากหลายและตอบโจทย์กับตัวเทรดเดอร์มากที่สุดครับ
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “ค่า Spread” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 ค่า Spread คือ ค่าธรรมการเทรดที่เกิดจากส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ของสินทรัพย์ที่เราทำการซื้อขาย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งต้นทุนที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องจ่ายให้กับเทรดเดอร์ครับ โดยปกติแล้วค่า Spread จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ค่า Spread แบบคงที่ : ค่าสเปรดที่จะไม่เปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของตลาด
- ค่า Spread แบบลอยตัว : ค่าสเปรดที่จะเปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของตลาด เป็นค่า Spread ที่โบรกเกอร์นิยมใช้กันมากที่สุด
โดยคุณสมบัติของค่า Spread ที่ดี มีดังนี้ครับ
- ค่า Spread ต้องไม่ถ่างจนเกินไป
- ค่า Spread เริ่มต้นของสินทรัพย์นั้น ๆ ต้องไม่สูงจนเกินไป
- ค่า Spread ต้องนิ่ง ไม่วิ่งแรงทั้งในช่วงปกติ หรือในช่วงที่มีข่าวแรง
ซึ่งค่า Spread ต่ำ จะช่วยลดต้นทุนในการเทรดให้กับตัวเทรดเดอร์ และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นของตัวเทรดเดอร์ด้วยเช่นกันครับ
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “ค่า Swap” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 ค่า Swap คือ ค่าธรรมเนียมในรูปแบบของการถือออเดอร์ข้ามคืน โดยการถือออเดอร์แบบข้ามคืนนั้น ไม่ได้หมายความว่า ต้องถือครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมีการเก็บค่าธรรมเนียม แต่จะนับตามเวลาปิดของตลาดในแต่ละวัน โดยปกติแล้วจะนับที่เวลา 05.00 น. นั่นจะหมายความว่า หากเทรดเดอร์เปิดสถานะ Buy ในเวลา 04.59 น. เมื่อเวลาเปลี่ยนเป็น 05.00 ก็จะมีการคิดค่า Swap ทันที แม้ว่าจะเปิดออเดอร์เพียง 1 นาทีครับ
ซึ่งจะมีบางโบรกเกอร์ที่ให้บริการ Free Swap ครับ การเทรดแบบ Free Swap ถือว่าเป็นผลดีต่อตัวเทรดเดอร์เป็นอย่างมาก ลองนึกภาพตามนะครับ
“หากคุณถือออเดอร์คู่เงินหนึ่งไว้และต้องการรอช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการปิดออเดอร์เพื่อทำกำไร แต่ต้องใช้เวลาและรอโอกาสที่ดีที่สุด เมื่อคุณทำการปิดออเดอร์แล้ว หักลบค่าธรรมเนียมและค่า Swap จากการถือออเดอร์ข้ามคืน ผลสุดท้ายกำไรที่ได้นั้นน้อยนิดมาก เนื่องจากต้องเสียให้กับค่าธรรมเนียมในการถือออเดอร์ข้ามคืน”
จะดีกว่าไหมถ้าคุณเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่ Free Swap ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้รับกำไรจากการเทรดได้มากขึ้นและลดต้นทุนจากการเทรดได้ครับ
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “ค่า Commission” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 ค่า Commission หรือค่าบริการการใช้งานโบรกเกอร์ คือ ค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บจากเทรดเดอร์ครับ โดยปกติจะมีการคิดเมื่อมีการเปิดหรือปิดออเดอร์ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์ครับ โดยส่วนใหญ่ค่า Commission จะคิดจากจำนวน Lot ในแต่ละครั้งที่เทรดเดอร์มีการเปิด-ปิดออเดอร์ ซึ่งค่า Commission มีทั้งในรูปแบบของค่าคงที่ เช่น $2 / lot หรือ ในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ เช่น 20% ต่อ Lot
ซึ่งค่า Commission อาจเป็นอีกหนึ่งค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์สายทำกำไรระยะสั้นมักจะไม่ชอบครับ เพราะอาจจะทำให้เทรดเดอร์ต้องสูญเสียเงินทุนไปกับค่าธรรมเนียมเหล่านี้ แต่ก็มีบางโบรกเกอร์ที่ให้บริการแบบไม่เก็บค่า Commission เช่นกัน ดังนั้นแล้ว การเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่คิดค่า Commission ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่เทรดเดอร์ควรให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “ความน่าเชื่อถือ” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 ความน่าเชื่อถือ คือ อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามครับ ทุกคนเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับ Forex ลูกโซ่ หรือกลโกง Forex บ้างไหมครับ นั่นคือตัวอย่างของการเลือกโบรกเกอร์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลต่อเงินทุนของตัวเทรดเดอร์โดยตรง แล้วเราจะเช็กความน่าเชื่อถือได้อย่างไรบ้าง ? หัวข้อนี้มีคำตอบครับ
สิ่งที่เทรดเดอร์สามารถใช้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ที่ง่ายที่สุด คือ การตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ ครับ
ใบอนุญาตโบรกเกอร์ คือ ใบอนุญาตที่ทางโบรกเกอร์ได้รับจากหน่วยงานกำกับดูแลโบรกเกอร์ Forex (Forex Regulation) ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินงานของโบรกเกอร์ หมายความว่า! โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต Forex ถือเป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย โดยใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือและพบได้บ่อยในแวดวงโบรกเกอร์ อาทิเช่น FCA, ASIC, CySEC, NFA, FSC, FSA หรือ FSCA เป็นต้น
ขอแนะนำเว็บไซต์ TrustFinance ที่คอยช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex ได้ง่าย ๆ และสามารถอ่านรีวิวจากประสบการณ์การใช้งานจริงของเทรดเดอร์รายอื่นได้
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “แพลตฟอร์มการเทรด” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 แม้ว่า “แพลตฟอร์มการเทรด” อาจจะยังไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก แต่เทรดเดอร์ควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ครับ โดยปกติแล้วแพลตฟอร์มการเทรดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในแวดวงเทรดเดอร์ มีดังนี้ครับ
- MetaTrader 4
- MetaTrader 5
- Broker App Trade
- WebTrade
ซึ่งแต่ละโบรกก็มีการให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดที่แตกต่างกันออกไปครับ แล้วการเลือกแพลตฟอร์มการเทรดสำคัญอย่างไร? ลองคิดตามนะครับ
ปกติแล้วคุณเป็นคนใช้โทรศัพท์ iPhone เป็นประจำ แต่วันหนึ่งคุณต้องเปลี่ยนโทรศัพท์เป็น Samsung สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้น คือ ความไม่คุ้นชินครับ เช่นเดียวกันกับแพลตฟอร์มการเทรด หากวันหนึ่งคุณต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์มการเทรด ซึ่งอาจส่งผลต่อการเทรดของเทรดเดอร์โดยตรง เนื่องจากแพลตฟอร์มการเทรดแต่ละแบบมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันไปครับ
นอกจากนี้แพลตฟอร์มการเทรดยังมีผลต่อความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขาย ซึ่งมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์เป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหา Slippage และความเสถียรในการส่งคำสั่งซื้อขายได้ครับ
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “การให้บริการ” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 การให้บริการ หรือ Customer Support เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญสำหรับเลือกเปิดบัญชีต่อโบรกเกอร์ครับ ทุกคนลองคิดตามนะครับ หากวันหนึ่งคุณประสบปัญหาในการใช้งานกับโบรกเกอร์ อาทิเช่น พบปัญหาในการฝากเงิน, พบปัญหาเกี่ยวกับการเทรด หรือพบปัญหาในการใช้งานแพลตฟอร์ม แต่ Support ไม่มีการตอบกลับหรือไม่สามารถให้การแก้ไขได้ อาจส่งผลเสียต่อตัวเทรดเดอร์ได้ครับ
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “ช่องทางการฝากถอน” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 ช่องทางการฝากถอน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามครับ เทรดเดอร์ควรมองหาโบรกเกอร์ที่มีช่องทางการฝากถอนที่หลากหลายและรองรับความต้องการของเทรดเดอร์ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งบางโบรกเกอร์ไม่มีการคิดค่าธรรมในการฝากถอนครับ
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของจำนวนฝาก-ถอนขั้นต่ำและความเร็วในการฝากถอนที่ต้องคำนึงถึงด้วย เพราะจะมีผลต่อสภาพคล่องในการซื้อขายของเทรดเดอร์โดยตรง เช่น หากโบรกเกอร์มีจำนวนในการฝากถอนขั้นต่ำอยู่ที่ $100 และใช้เวลาในการฝาก-ถอนอยู่ที่ 15-30 นาที อาจส่งผลให้เทรดเดอร์พลาดโอกาสในการทำกำไรได้ครับ
แนะนำโบรกเกอร์ Forex ฝาก-ถอนไว ปี2024
——————–🐣——————–
ทำไมต้องดู “โบนัส/โปรโมชั่น” ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
🔎 สำหรับโปรโมชั่นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เทรดไม่ควรมองข้าม แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ต้องนำมาพิจารณาเป็นอันดับแรกครับ เนื่องจากโบนัสและโปรโมชั่นเปรียบเสมือนการสนับสนุนที่โบรกเกอร์ให้แก่เทรดเดอร์ครับ ซึ่งโบนัสและโปรโมชั่นจะช่วยให้เทรดเดอร์มีต้นทุนในการเทรดมากขึ้นครับ แต่ต้องไม่ลืมที่จะอ่านเงื่อนไขและรายละเอียดการรับโบนัสให้ละเอียดก่อนเสมอครับ
——————–🐣——————–
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกโบรกเกอร์ Forex
โบรกเกอร์ Forex ไหนดี 2567
สำหรับเทรดโบรกเกอร์ Forex ไหนดี 2567 ที่ทีมงาน Gotradehere อยากแนะนำให้กับเทรดเดอร์ โดยอ้างอิงคุณสมบัติที่น่าสนใจและคุ้มค่ามากที่สุดโดยมีโบรกเกอร์ที่น่าสนใจ ซึ่งเทรดเดอร์สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่ครับ
ค่า Spread คืออะไร
ค่า Spread คือ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากการซื้อขายคู่สกุลเงิน โดยค่า Spread จะคิดจากผลต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask โดยค่า Spread แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ค่า Spread แบบคงที่ และค่า Spread แบบลอยตัวครับ
เทรด Forex คู่ไหนดี
สำหรับคู่เงินหลักที่เทรดเดอร์นิยมเทรดกันจะถูกเรียกว่า Major Currency หรือคู่เงินหลักที่เทรดเดอร์นิยมเทรดครับ ซึ่งคู่เงินหลักถือว่ามีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงที่สุด และช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้ครับ โดยคู่เงิน Forex ที่นิยม มีดังนี้ครับ
- EUR/USD : ยูโร / ดอลลาร์สหรัฐ
- USD/JPY : ดอลลาร์สหรัฐ / เยน
- GBP/USD : ปอนด์ / ดอลลาร์สหรัฐ
- USD/CHF : ดอลลาร์สหรัฐ / ฟรังก์สวิส
- USD/CAD : ดอลลาร์สหรัฐ / ดอลลาร์แคนาดา
- AUD/USD : ดอลลาร์ออสเตรเลีย / ดอลลาร์สหรัฐ
- NZD/USD : ดอลลาร์นิวซีแลนด์ / ดอลลาร์สหรัฐ
——————–🐣——————–
สรุปเกี่ยวกับการเลือกโบรกเกอร์ Forex สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเทรดและเป็นก้าวแรกที่สำคัญครับ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงและยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับเทรดเดอร์ด้วยเช่นกัน โดยคุณสมบัติหลักที่เทรดเดอร์ควรคำนึงและพิจารณาก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี มีดังนี้ครับ
- ตรวจสอบ “ประเภทบัญชี”
- ตรวจสอบ “ค่า Spread”
- ตรวจสอบ “ค่า Swap”
- ตรวจสอบ “ค่า Commission”
- ตรวจสอบ “ความน่าเชื่อถือ”
- ตรวจสอบ “แพลตฟอร์มการเทรด”
- ตรวจสอบ “การให้บริการ”
- ตรวจสอบ “ช่องทางการฝาก-ถอน”
- ตรวจสอบ “โบนัส/โปรโมชั่น”
สุดท้ายนี้ นอกจากการเลือกโบรกเกอร์แล้ว เทรดเดอร์จะต้องไม่ลืมศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ฝึกฝนและสะสมประสบการณ์ด้านการเทรด เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน และจะต้องไม่ลืมที่จะบริหารและจัดการความเสี่ยงในการลงทุนทุกครั้ง
ฝากขั้นต่ำ : $10
Leverage สูงสุด : 1:3000
ส่งคำสั่งซื้อขายภายใน 30 ms ไม่มีค่า Swap
ฝากขั้นต่ำ : $200
Leverage สูงสุด : 1:1000
ส่งคำสั่งซื้อขายภายใน 40 ms
มีค่า Swap
ฝากขั้นต่ำ : $5
Leverage สูงสุด : 1:1000
ส่งคำสั่งซื้อขายภายใน 120 ms ไม่มีค่า Swap (จำกัดวัน)
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News