Table of Contents
Table of Contents

คุณเป็นนักเทรดประเภทไหน? ค้นหารูปแบบการเทรดที่ใช่สำหรับคุณ

คุณเป็นนักเทรดประเภทไหน ค้นหาและแนะนำประเภทการเทรดสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่

คุณเป็นนักเทรดประเภทไหน? ทุกคนเคยสงสัยกันไหมครับว่าตัวเองเหมาะกับสไตล์การเทรดรูปแบบใด หรือยังไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับการเทรดรูปแบบไหน วันนี้ทีมงาน Gotradehere ขอนำเสนอตัวช่วยสำหรับการค้นหารูปแบบการเทรดที่เหมาะกับคุณและเทคนิคที่ควรรู้ในแต่ละประเภทการเทรด สามารถติดตามกันได้ในบทความนี้เลยครับ

นักเทรดคืออะไร ทำเป็นอาชีพได้ไหม?

นักเทรดหรือเทรดเดอร์ (Trader) คือ ผู้ที่ซื้อ-ขายสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, คู่สกุลเงิน, เหรียญคริปโต หรือแม้แต่หุ้นกู้ เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ณ ช่วงเวลานั้น หรือเราจะเรียกนักเทรดง่าย ๆ ว่า ผู้ที่เข้ามาแสวงหากำไรจากการซื้อ-ขายสินทรัพย์ทางการเงินในระยะเวลาสั้น ๆ ครับ

สำหรับนักเทรดหรือเทรดเดอร์ สามารถประกอบเป็นอาชีพได้ ถือเป็นอาชีพอิสระและไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ แต่อาชีพเทรดเดอร์ก็มีความเสี่ยงในการประกอบอาชีพเช่นกัน เนื่องจากความผันผวนของตลาดในแต่ละสินทรัพย์ไม่เท่ากัน นอกจากนี้ยังต้องใช้เงินทุน ซึ่งก็มีโอกาสขาดทุนได้ตลอดเวลาเช่นกันครับ

รูปแบบการเทรดมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

  • Scalping คือ การเทรดเพื่อทำกำไรในระยะที่สั้นมาก ๆ โดยเน้นการถือออเดอร์เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เน้นการทำกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการซื้อขายหลาย ๆ ครั้ง
  • Day Trade คือ การเทรดเพื่อทำกำไรในระยะสั้น โดยเน้นการถือออเดอร์แบบไม่เกิน 1 วัน เพื่อลดค่าธรรมเนียมจากการถือออเดอร์ข้ามคืน 
  • Swing Trade คือ การเทรดเพื่อทำกำไรในระยะกลาง เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ที่มีการปรับตัวในแต่ละรอบ 
  • Position Trade คือ การเทรดเพื่อทำกำไรในระยะยาว โดยนักเทรดจะรอช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือขายเพื่อทำกำไรให้ได้มากที่สุดภายในครั้งเดียว

ทำไมนักเทรดต้องค้นหารูปแบบการเทรดที่เหมาะกับตนเอง?

สำหรับนักเทรด การค้นหารูปแบบการเทรดที่เหมาะกับตนเองถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากรูปแบบการเทรดมีจุดเด่นและข้อจำกัดเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนให้กับนักเทรดเป็นอย่างมาก หากเลือกรูปแบบการเทรดให้เหมาะกับตนเองได้ นอกจากนี้ หากนักเทรดเลือกรูปแบบการเทรดไม่เหมาะกับตนเอง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนได้ครับ

💡 รู้หรือไม่? บุคลิกภาพหรือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตก็สามารถสะท้อนรูปแบบการเทรดของแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากการเทรดนอกจากจะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์กราฟและเทคนิคเฉพาะแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการจัดการอารมณ์ของนักเทรดด้วยเช่นกัน หากเทรดเดอร์สามารถเข้าใจตนเองและเลือกรูปแบบการเทรดที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดได้มากขึ้นครับ

ทำแบบทดสอบ Personality Quiz คุณเป็นนักเทรดแบบไหนค้นหาสไตล์การเทรดที่ใช่สำหรับคุณ

แบบทดสอบคุณเป็นนักเทรดประเภทไหน

เจาะลึกรูปแบบการเทรดของนักเทรดแต่ละบุคลิก พร้อมเทคนิคการเทรด

สำหรับนักเทรดที่ทำแบบทดสอบ Personality Test ค้นหารูปแบบการเทรดของตนเองเรียบร้อยแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดและเจาะลึกรูปแบบการเทรดแต่ละประเภทที่เหมาะสำหรับคุณได้ในหัวข้อถัดไปเลยครับ

นักเทรดแบบ Scalping คืออะไร

ลักษณะนิสัยของนักเทรด Scalping

นักเทรดแบบ Scalping เป็นคนที่ชอบความรวดเร็วและตื่นเต้นในการลงทุน คุณจะเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น นาทีหรือวินาที คุณมีทักษะในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและสามารถจัดการกับความเครียดได้ดี การเก็งกำไรเป็นวิธีการที่ต้องการ มีสมาธิสูงและการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว เพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดครับ

การเทรดแบบ Scalping คือ การเทรดที่เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น ๆ โดยการเทรดแบบ Scalping มีจุดมุ่งหมายเพื่อเก็งกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการเทรดในหลาย ๆ ครั้ง และมีเงื่อนไขที่จะไม่ถือออเดอร์แบบข้ามคืนเพื่อลดการเสียค่าธรรมเนียมจากการถือออเดอร์ข้ามคืน (Swap) ครับ

เทคนิคการเทรดแบบ Scalping

1. การเลือก Time Frame ให้เหมาะสม

การเทรดแบบ Scalping คือ การเทรดที่อาศัยการทำกำไรจากการเทรดระยะสั้น ซึ่งต้องใช้กรอบเวลา (Time Frame) ที่สั้นสำหรับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา โดย Time Frame ที่ได้รับความนิยมสำหรับใช้วิเคราะห์ควบคู่กับการเทรด Scalping ได้แก่ 

  • Time Frame แบบ 1 นาที : ให้รายละเอียดที่ชัดเจนและครบถ้วนมากที่สุด แต่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีสัญญาณรบกวนสูง ทำให้เกิดสัญญาณหลอกได้ง่าย
  • Time Frame แบบ 5 นาที : ให้รายละเอียดได้น้อยกว่า Time Frame 1 นาที แต่มีความสมดุลมากที่สุด โอกาสเกิดสัญญาณหลอกน้อยกว่า
  • Time Frame แบบ 15 นาที : เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดแบบหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เป็น Time Frame ที่แม่นยำมากที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ แต่โอกาสในการทำกำไรก็น้อยกว่าเช่นกัน เนื่องจากการเกิดสัญญาณช้ากว่า Time Frame แบบ 1 นาที และ 5 นาที

2. การเลือกโบรกเกอร์สำหรับนักเทรด Scalper

การเลือกโบรกเกอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรด Scalper เนื่องจากการเทรดแบบ Scalping ต้องทำกำไรจากการเปิดออเดอร์ซื้อ-ขายจำนวนมาก ทำให้ค่าธรรมเนียมเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักเทรดต้องคำนึงถึงเสมอ เนื่องจากเป็นต้นทุนที่ใช้ในการเทรด หากค่าธรรมเนียมสูง โอกาสได้รับกำไรก็จะลดลงเช่นกัน ดังนั้น นักเทรดจะต้องเลือกโบรกเกอร์ให้เข้ากับการเทรดแบบ Scalping โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของโบรกเกอร์ ดังนี้ครับ

  • Spread ต่ำ
  • ไม่มีค่าคอมมิชชัน
  • การดำเนินคำสั่งซื้อ-ขายรวดเร็ว 
  • โอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายต่ำ
  • โบรกเกอร์มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
  • รองรับแพลตฟอร์มการเทรด มีเครื่องมือและฟังก์ชันการเทรดที่หลากหลาย 

3. Scalping กับช่วงเวลาที่มีข่าว

ช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนมากที่สุดมักจะเป็นช่วงที่มีข่าวสำคัญประกาศออกมา เช่น ข่าว GDP, ข่าวการประชุม FOMC, ข่าว Non-Farm Payroll หรือข่าว CPI เป็นต้น ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวมักทำให้ทิศทางราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้นักเทรด Scalper มักทำกำไรในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งนักเทรด Scalper สามารถติดตามข่าวสารที่ส่งผลต่อตลาดการเงินได้ที่ Forex Factory ครับ

4. เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบ Scalping

นักเทรด Scalper ควรเลือกใช้เครื่องมือการเทรดที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดในระยะที่สั้นมาก ได้แก่ 

  • Indicator ที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางราคา, จุดซื้อขายที่ดีที่สุด หรือการระบุจุดแนวรับแนวต้าน เช่น Moving Average, RSI, Stochastic Oscillators หรือ Bollinger Bands เป็นต้นครับ
  • การเลือกใช้คำสั่งเพื่อลดความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนสูงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร เช่น Pending Order, Stop Loss และ Take Profit เป็นต้นครับ

📓 บทความเทคนิคสำหรับนักเทรดแบบ Scalper
ข่าว Forex Factory วิธีดูปฏิทินข่าว และการวิเคราะห์ข่าว
Take Profit (TP) คือ อะไร? Stop Loss (SL) คือ อะไร? และ วิธีตั้งค่า TP และ SL
Pivot Point คืออะไร? อินดิเคเตอร์ระบุแนวรับแนวต้านสำหรับเทรด Forex
Slippage คืออะไร? เรื่องที่นักเทรดแบบ Scalper ควรระวัง
Moving Average คือ อะไร? สุดยอด Indicator พื้นฐานที่ใช้ง่ายที่สุด ใครก็เทรดได้

ข้อควรระวังของการเทรดแบบ Scalping

สิ่งที่นักเทรดแบบ Scalper ต้องระมัดระวังในการเทรดแบบ Scalping มีดังนี้ครับ

  • เนื่องจากการเทรดแบบ Scalping ต้องเปิดและปิดออเดอร์หลายครั้งในหนึ่งวัน ดังนั้น ค่าคอมมิชชันและสเปรดจึงมีผลต่อกำไรที่จะได้รับ ควรเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะกับรูปแบบการเทรดครับ
  • ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดที่สูงเกินไปอาจทำให้ขาดทุนมากขึ้น
  • การเทรดแบบ Scalping ต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก อาจทำให้เกิดความเครียดสะสม
  • การเทรดแบบ Scalping เน้นการทำกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน

นักเทรดแบบ Day Trade คืออะไร

ลักษณะนิสัยของนักเทรด Day Trade

นักลงทุนแบบ Day Trade มักจะถือออเดอร์แบบไม่เกิน 1 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมจากการถืออเดอร์ข้ามคืน การลงทุนแบบ Day Trade ต้องการความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ต้องการความเครียดที่มากจนเกินไป นอกจากนี้ คุณยังเป็นคนที่ชอบติดตามข่าวสาร และให้เวลากับการเทรดมากกว่าการทำกิจกรรมอย่างอื่นครับ

การเทรดแบบ Day Trade คือ การซื้อขายที่เน้นทำกำไรจากการเทรดให้จบภายในวันเดียว จะไม่เน้นการถือออเดอร์ข้ามคืนเพื่อทำกำไรเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม มีความคล้ายคลึงกับแบบ Scalping แต่แตกต่างกันที่การเทรดแบบ Day Trade จะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่า แต่โอกาสในการทำกำไรก็น้อยเช่นกัน เนื่องจาก Day Trade จะต้องรอช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อทำกำไรในช่วงวันนั้น ๆ โดยอาจถือออเดอร์ตั้งแต่ 1 นาที ไปจนถึง 1 วัน แต่ Scalping จะเน้นการทำกำไรเล็กน้อยหลายครั้งและถือออเดอร์เพียง 1 นาที – 30 นาทีเท่านั้นครับ

เทคนิคการเทรดแบบ Day Trade

1. ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเปิดออเดอร์ในแต่ละวัน

เนื่องจากการเทรดแบบ Day Trade ต้องอาศัยการทำกำไรจากการเทรดภายใน 1 วัน เนื่องจากต้องหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมจากการถือออเดอร์ข้ามคืน หากนักเทรดสามารถระบุช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนหรือมีปริมาณการซื้อขายที่สูงในแต่ละวัน จะช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนการทำกำไรในแต่ละวันได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น 

  • ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาดในแต่ละประเทศ มักเป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายสูง ทำให้สภาพคล่องของตลาดสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะเก็งกำไรในช่วงเวลานี้
  • ช่วงเวลาที่ตลาดมีการเปิดคาบเกี่ยวกันในแต่ละประเทศ จะเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีปริมาณการซื้อขายที่สูง อาจเกิดการเคลื่อนไหวของราคามากพอที่จะทำกำไรได้

2. เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบ Day Trade

นักเทรด Day Trader ควรเลือกใช้เครื่องมือการเทรดที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดในระยะสั้น ได้แก่ 

  • Indicator ที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางราคาและจุดซื้อขายที่ดีที่สุด เช่น RSI, MACD หรือ Bollinger Bands เป็นต้น 
  • การเลือกใช้คำสั่งเพื่อลดความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนสูงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร เช่น Pending Order, Stop Loss และ Take Profit เป็นต้นครับ 
  • เทรดเมื่อเกิด Breakout โดยสามารถใช้อินดิเคเตอร์ที่สามารถระบุแนวรับแนวต้านได้ เช่น Fibonacci Retracement หรือ Pivot Points เป็นต้น 

3. สังเกต Pattern ของกราฟ ช่วยให้วิเคราะห์ทิศทางราคาได้ดีขึ้น

การสังเกตรูปแบบของราคาที่ถูกแสดงออกมาในรูปแบบของกราฟแท่งเทียนและเรียงต่อกันเป็นรูปแบบต่าง ๆ จะแสดงทิศทางของราคาในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางราคาได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับ Day Trader เป็นอย่างมาก ซึ่ง Pattern ที่พบบ่อยมีดังนี้ครับ

4. การเลือกโบรกเกอร์สำหรับนักเทรด Day Trader

การเลือกโบรกเกอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรด Day Trader เนื่องจากการเทรดแบบ Day Trade ต้องทำกำไรจากการซื้อขายในระยะเวลาสั้น ทำให้ค่าธรรมเนียมและ Leverage เข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักเทรดต้องคำนึงถึงเสมอ ดังนั้นนักเทรดจะต้องเลือกโบรกเกอร์ให้เข้ากับการเทรดแบบ Day Trade โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของโบรกเกอร์ ดังนี้ครับ

  • Spread ต่ำ
  • ไม่มีค่าคอมมิชชัน
  • มี Leverage 
  • การดำเนินคำสั่งซื้อ-ขายรวดเร็ว 
  • โอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายต่ำ
  • โบรกเกอร์มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
  • รองรับแพลตฟอร์มการเทรด มีเครื่องมือและฟังก์ชันการเทรดที่หลากหลาย

⛔️ การใช้ Leverage นอกจากจะช่วยให้เข้าถึงการลงทุนและช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น แต่ก็สามารถเกิดการขาดทุนได้เช่นกันครับ ดังนั้น นักเทรดจะต้องบริหารความเสี่ยงทุกครั้งในการเทรดครับ

📒 บทความเทคนิคสำหรับนักเทรดแบบ Day Trader
MACD คือ อะไร? Indicator บอกแนวโน้มราคาได้แม่นยำกว่า 90% 
RSI คือ อะไร? RSI Indicator สุดคลาสสิค “เก่าแต่ยังเก๋าอยู่”
14 Chart Pattern กลับตัว มีกี่แบบ? พร้อมวิธีเทรด Forex
ตลาด Forex เปิด-ปิดกี่โมง? ช่วงเวลาไหนดีที่สุดสำหรับการเทรด!

ข้อควรระวังของการเทรดแบบ Day Trade

สิ่งที่นักเทรดแบบ Day Trader ต้องระมัดระวังในการเทรดแบบ Day Trade มีดังนี้ครับ

  • การติดตามกราฟราคาและตลาดสินทรัพย์ตลอดทั้งวันอาจทำให้เกิดสภาวะความเครียดสะสม ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของตัวเทรดเดอร์
  • การเทรดแบบ Day Trade ต้องมีวินัยและความอดทนสูง นอกจากนี้ยังต้องศึกษาเกี่ยวกับตลาดหรือเทคนิคการวิเคราะห์อื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้สูงขึ้นครับ
  • การเทรดที่บ่อยครั้งในแต่ละวัน อาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจากค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยโบรกเกอร์
  • ควรบริหารความเสี่ยง เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูงอาจทำให้กราฟราคามีการกลับตัวระหว่างวันได้

นักเทรดแบบ Swing Trade คืออะไร

ลักษณะนิสัยของนักเทรด Swing Trade

นักเทรดแบบ Swing Trade จะเน้นการถือครองสินทรัพย์ในช่วงเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มีแนวโน้มหรือเทรนด์ตลาดที่สามารถทำกำไรได้ คุณมีความอดทนและสามารถรอคอยโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าซื้อขาย คุณมีความสามารถในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน เพื่อประเมินแนวโน้มและจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อและขายในจุดที่กำไรได้ดีที่สุด

การเทรดแบบ Swing Trade คือ กลยุทธ์การเทรดที่เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลาง เน้นการถือออเดอร์แบบข้ามวันเพื่อรอจังหวะการเข้าซื้อที่ถูกที่สุดและขายเมื่อราคาดีที่สุดในแต่ละรอบการแกว่งของราคา (Swing) ซึ่งการ Swing Trade มีข้อดีที่เด่นชัดกว่ารูปแบบการเทรดที่ผ่านมา คือ นักเทรดไม่จำเป็นต้องเฝ้าจอตลอดเวลา สามารถลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นได้ดี และช่วยลดการเสียค่าธรรมเนียมครับ

เทคนิคการเทรดแบบ Swing Trade

1. เลือกสินทรัพย์ให้เหมาะกับ Swing Trade

นักเทรด Swing Trader จะต้องเลือกสินทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขายที่สูงและสินทรัพย์ก็ควรมีความผันผวนสูงเช่นกัน เนื่องจากการเทรดแบบ Swing Trade ต้องการสินทรัพย์ที่สามารถซื้อง่ายขายคล่อง นอกจากนี้ความผันผวนของราคาจะช่วยให้ Swing Trader ทำกำไรจากส่วนต่างของราคาได้ง่ายและดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินหลักในตลาด Forex ครับ

2. เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบ Swing Trade

นักเทรด Swing Trader ควรเลือกใช้เครื่องมือการเทรดที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดในระยะสั้น ได้แก่ 

  • Indicator ที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางราคา เช่น Moving Average, Stochastic Oscillator หรือ Bollinger Bands เป็นต้น 
  • เครื่องมือสำหรับระบุแนวรับแนวต้าน ซึ่งช่วยคาดการณ์แนวโน้มการกลับตัวของราคาเพื่อหาจุดซื้อขายสำหรับการ Swing Trade ที่ดีที่สุด เช่น Fibonacci Retracement หรือ Pivot Point เป็นต้น
  • Price Action รูปแบบกราฟแท่งเทียนสำหรับคาดการณ์ทิศทางราคาด้วยตาเปล่า

3. การเลือกโบรกเกอร์สำหรับนักเทรด Swing Trader

การเลือกโบรกเกอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรด Swing Trader เนื่องจากการเทรดแบบ Swing Trade ต้องอาศัยการกำไรจากการซื้อขายในระยะกลาง ทำให้นักเทรดจำเป็นต้องถือออเดอร์แบบข้ามวัน ทำให้มีค่าธรรมเนียมอย่าง Swap เข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักเทรดต้องคำนึงถึงเสมอ ดังนั้น นักเทรดจะต้องเลือกโบรกเกอร์ให้เข้ากับการเทรดแบบ Swing Trade โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของโบรกเกอร์ ดังนี้ครับ

  • Spread ต่ำ
  • มี Free Swap
  • ไม่มีค่าคอมมิชชัน
  • มี Leverage 
  • โบรกเกอร์มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
  • รองรับแพลตฟอร์มการเทรด มีเครื่องมือและฟังก์ชันการเทรดที่หลากหลาย

📕 บทความเทคนิคสำหรับนักเทรดแบบ Swing Trader
รูปแบบแท่งเทียน Price Action คืออะไร? เทรดง่าย ๆ ด้วย “ตาเปล่า”
Moving Average สุดยอด Indicator พื้นฐานที่ใช้ง่ายที่สุด 
การใช้ Fibonacci ในการวิเคราะห์ แบบเบื้องต้นและขั้นสูง
Price Action 12 แบบ ที่เกิดบ่อยและมีโอกาสกลับตัวสูงกว่า 70%

ข้อควรระวังของการเทรดแบบ Swing Trade

สิ่งที่นักเทรดแบบ Swing Trader ต้องระมัดระวังในการเทรดแบบ Swing Trade มีดังนี้ครับ

  • การเทรดแบบ Swing Trade ควรเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง
  • การถือออเดอร์แบบข้ามคืน ทำให้นักเทรดต้องเสียค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า “ค่า Swap” ซึ่งอาจส่งผลให้ได้รับผลตอบแทนจากการเทรดที่น้อยลง
  • ความเสี่ยงจาก Overnight risk ซึ่งอาจเกิดการกลับตัวของกราฟราคาได้ขณะที่เทรดเดอร์หลับ
  • ควรศึกษาตลาดและหาเครื่องมือวิเคราะห์เพิ่มเติม เพื่อซัพพอร์ตการเทรดของตัวเอง เนื่องจากการเทรดแบบ Swing Trade ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่สูงกว่ารูปแบบการเทรดอื่น ๆ  

นักเทรดแบบ Position Trade คืออะไร

ลักษณะนิสัยของนักเทรด Position Trade

นักเทรดแบบ Position Trader จะเน้นการถือครองสินทรัพย์ในระยะยาว เช่น หลายเดือนหรือหลายปี คุณมีความอดทนสูงและเชื่อมั่นในทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะยาว คุณใช้การวิเคราะห์พื้นฐานและข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจซื้อขาย คุณไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนในระยะสั้นและสามารถรอคอยผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

Position Trade คือ การเทรดในรูปแบบของการถือสินทรัพย์ในระยะยาว เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มของทิศทางราคาที่ชัดเจนและแม่นยำมากที่สุด ถือเป็นรูปแบบการเทรดที่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ดี แต่ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา คือ ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานในการรอแนวโน้มที่ดีที่สุดเพื่อทำกำไร ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ และมีโอกาสติดดอยได้ จึงไม่เหมาะกับมือใหม่สักเท่าไหร่ครับ

เทคนิคการเทรดแบบ Position Trade

การเทรดแบบ Position Trade ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้มทิศทางราคา และอาศัยเครื่องมือทางเทคนิคเข้ามาช่วยวิเคราะห์เทรนด์ในตลาด ยกตัวอย่างเช่น การใช้อินดิเคเตอร์ Moving Average สำหรับระบุเทรนด์หรือแนวโน้มทิศทางราคา และสำหรับ Time Frame ที่นิยมใช้สำหรับการวิเคราะห์ทิศทางราคาของกราฟ แนะนำให้ใช้เป็นแบบรายสัปดาห์หรือรายเดือน เพื่อให้นักเทรดสามารถมองภาพรวมของตลาดได้ง่ายขึ้น สุดท้าย คือ การมีวินัยในการลงทุน มีการวางแผนและกระจายความเสี่ยงให้ดีครับ

📘 บทความเทคนิคสำหรับนักเทรดแบบ Position Trader
MACD คือ อะไร? Indicator บอกแนวโน้มราคาได้แม่นยำกว่า 90% 
อินดิเคเตอร์ที่ดีที่สุด (Indicator) จาก ChatGPT
Moving Average สุดยอด Indicator พื้นฐานที่ใช้ง่ายที่สุด

ข้อควรระวังของการเทรดแบบ Position Trade

สิ่งที่นักเทรดแบบ Position Trader ต้องระมัดระวังในการเทรดแบบ Position Trade มีดังนี้ครับ

  • การเทรดแบบ Position Trade ต้องถือสินทรัพย์ในระยะยาว อาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดในบางช่วงเวลาที่ดีกว่า
  • Position Trade จะต้องวางแผนการลงทุนและบริหารความเสี่ยงให้ดี เนื่องจากเป็นรูปแบบการเทรดในระยะยาว อาจเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาติดดอยได้
  • ควรเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะสม เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมจากการซื้อ-ขายหรือถือออเดอร์ในระยะยาวที่ค่อนข้างสูงกว่าการเทรดระยะสั้น
  • มีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการเทรดแบบ Position Trade เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ หรือปัจจัยทางการเมือง เป็นต้น ซึ่งนักเทรดแบบ Position Trade ต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจในการวิเคราะห์กราฟและทิศทางราคา

สำหรับนักเทรด การเลือกรูปแบบการเทรดที่เหมาะกับตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้เช่นกัน ซึ่งรูปแบบการเทรดของแต่ละคนอาจสะท้อนมาจากรูปแบบการทำงาน สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วยเช่นกัน ซึ่งรูปแบบการเทรดที่นักเทรดนิยมใช้มีดังนี้ครับ

  • Scalping 
  • Day Trade 
  • Swing Trade 
  • Position Trade

สุดท้ายนี้หากนักเทรดคนไหนที่ยังไม่รู้ว่ารูปแบบการเทรดของตัวเองนั้นเป็นแบบไหน ลองทำแบบทดสอบ Personality Test เพื่อค้นหารูปแบบการเทรดที่ใช่สำหรับตัวเองได้เลยครับ

⚠️ ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน และบทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้ ไม่ใช่การแนะนำหรือชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใดครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge

อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News

Table of Contents
TOP FOREX BROKERS
1
5/5
IUX
5/5
2
3/5
IC Markets
IC Markets-top-forex-brokers
IC Markets
4/5
3
4/5
FXGT.com
FXGT.com
4/5
4
3/5
Hantec Markets
Hantec Markets
3/5
5
4/5
Eightcap
Eightcap
3/5

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

– Advertisement –

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FOLLOW US
บทความที่เกี่ยวข้อง

– Advertisement –