หากกล่าวถึงตลาดหุ้นไทยปี 2566 ดูเหมือนว่า หุ้นไทยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการประกาศมาตรการคลายล็อกดาวน์โควิด-19 และการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ของภาครัฐ ทำให้นักลงทุนเริ่มไหลเวียนเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก
ซึ่งในเดือน เม.ย. นี้ เป็นเดือนแห่งเทศกาลสงกรานต์ และกำลังย่างก้าวเข้าสู่ไตรมาสสองอย่างเป็นทางการ จึงทำให้หุ้นไทยน่าลงทุนมากขึ้น เนื่องจากหุ้นไทยในหลายกลุ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น และได้รับอนิสงค์จากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างเต็มที่ หรือแรงหนุนจากทางเศรษฐกิจ
ในวันนี้ Gotradehere จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 5 “หุ้นไทยน่าลงทุน” หุ้นไหนดี หุ้นไหนเด่น? ปี 2566 เพื่อเป็นแนวทางให้นักลงทุนเช็กหุ้นไทยน่าลงทุนในปีนี้ครับ
การคัดเลือก “หุ้นไทยน่าลงทุน”
แน่นอนครับว่า ก่อนที่เราจะเลือกหุ้นไทยที่ต้องการลงทุนได้ เราต้องทำความเข้าใจกับการคัดเลือกหุ้นไทยที่ดีเสียก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของเราด้วยครับ
- ดูผลประกอบการและการเติบโตของหุ้นไทย
- พิจารณาอัตราส่วนทางการเงินของหุ้นไทย
- ดู S Curve ประกอบ
ดูผลประกอบการและการเติบโตของหุ้นไทย
บริษัทที่จะลงทุนควรมีการเติบโตอย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป เพราะแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้น ๆ ยังไม่มีจุดอิ่มตัว และสามารถเติบโตไปได้ในอนาคต โดยสามารถเข้าไปดูข้อมูลของแต่ละบริษัทได้ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พิจารณาอัตราส่วนทางการเงินของหุ้นไทย
1. ROE (Return of Access)
ROE (Return of Access) คือ อัตราส่วนทางการเงินที่เปรียบเทียบระหว่างกำไรสุทธิและส่วนของผู้ถือหุ้น โดยมีสูตรการคำนวณ: ROE = (กำไรสุทธิของกิจการ / ส่วนของผู้ถือหุ้น) × 100
ROE สูง คือ บริษัทสร้างกำไรได้ดีและต่อเนื่อง
ROE ต่ำ คือ บริษัทสร้างกำไรไม่ค่อยได้ ต่อเนื่อง
2. ROA (Return of Assests)
ROA (Return of Assests) คือ อัตราส่วนของผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม หาก ROA สูงแสดงให้เห็นว่า บริษัทสามารถนำสินทรัพย์ไปสร้างมูลค่าได้มาก ทำให้บริษัทมีโอกาสเจริญเติบโตในอนาคต
ROA > 0 คือ บริษัทสามารถสร้างกำไรสุทธิจากสินทรัพย์ได้
ROA < 0 คือ บริษัทไม่สามารถสร้างกำไรสุทธิจากสินทรัพย์ได้
3. DE (Debt to Equity)
DE (Debt to Equity) คือ อัตราส่วนหนี้สินต่ออัตราส่วนผู้ถือหุ้น เพื่อให้เห็นว่า บริษัทมีความแข็งแกร่งและมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน
DE > 1 เท่า คือ บริษัทมีหนี้มากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น
DE = 1 เท่า คือ บริษัทมีหนี้เท่ากับส่วนของผู้ถือหุ้น
DE < 1 เท่า คือ บริษัทมีหนี้น้อยกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น
4. Dividend Yield
Dividend Yield คือ อัตราผลตอบแทนของเงินปันผล ที่แสดงให้เห็นถึงกำไรสะสมที่บริษัทจ่ายให้กับนักลงทุนเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าไร
DY > 0 คือ บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลของหุ้นให้กับนักลงทุน
DY = 0 คือ บริษัทไม่มีการจ่ายปันผลให้กับนักลงทุน
ดู S Curve ประกอบ

S Curve เป็นธุรกิจที่โลกกำลังให้ความสนใจ และหวังว่าจะสามารถเติบโตได้ดีในอนาคต เช่น ธุรกิจการบิน-โลจิสติกส์, หุ่นยนต์ และการแปรรูปอาหาร เป็นต้น หากนักลงทุนติดตามเกี่ยวกับธุรกิจลักษณะนี้ ก็จะสามารถตามเทรนการลงทุนใหม่ ๆ ได้
ห้ามพลาด! 5 หุ้นไทยน่าลงทุน ปี 2566
เมื่อทราบถึงวิธีการเลือกหุ้นที่ดีแล้ว มาต่อกันที่ 5 หุ้นไทยน่าลงทุน 2566 กันบ้าง โดยกลุ่มที่จะนำเสนอนั้น คาดการณ์ว่าจะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงเดือน เม.ย. นี้
1. หุ้นไทยกลุ่มการโรงแรม
มาเริ่มกันที่กลุ่มแรกกัน คือ หุ้นไทยกลุ่มการโรงแรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ คาดการณ์ว่าหุ้นประเภทนี้จะเติบโตเป็นอย่างมาก โดย Airbnb ให้ข้อมูลว่า การค้นหาที่พักช่วงใกล้สงกรานต์ ปี 2023 เพิ่มขึ้นกว่า 310% ซึ่งสถานที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวค้นหานั้น อันดับ 1 เป็นกรุงเทพฯ ตามมาด้วย พัทยา, เชียงใหม่ และภูเก็ต ตามลำดับ ซึ่งการมีนักท่องเที่ยวขาเข้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้หุ้นประเภทนี้น่าจับตามองเป็นอย่างมากครับ
ตัวอย่างหุ้นไทยการโรงแรม
- หุ้น CENTEL : บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
- หุ้น MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
- หุ้น ERW : บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด
- หุ้น SHR : บริษัทเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)
- หุ้น ROH : บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)



2. หุ้นไทยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
หุ้นไทยน่าลงทุน 2566 กลุ่มที่สอง คือ หุ้นไทยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสงกรานต์ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการอุปโภคฟื้นตัวเป็นบวก ส่งผลให้หุ้นประเภทนี้ได้รับประโยชน์ด้วยครับ
ตัวอย่างหุ้นไทยอาหารและเครื่องดื่ม
- หุ้น OSP : บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
- หุ้น TIPCO : บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น TU : บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- หุ้น ICHI : บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- หุ้น SNNP : บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)



3. หุ้นไทยกลุ่มพลังงาน
หุ้นไทยกลุ่มพลังงานมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากสนข. คาดการณ์ว่า ในช่วง 7 วันก่อนสงกรานต์จะมีปริมาณการเดินทางทั่วประเทศรวม 13.60 ล้านคัน ประกอบกับ OPEC+ ได้ลดกำลังผลิตลงเป็น 1 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงสิ้นปี ส่งผลให้หุ้นพลังงานกำลังปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวอย่างหุ้นไทยกลุ่มพลังงาน
- หุ้น 7UP : บริษัทเซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น ACE : บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น BGRIM : บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น DEMCO : บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น EGCO : บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)



4. หุ้นไทยกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์
หุ้นไทยกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นไทยน่าลงทุน 2566 เรียกได้ว่า ในช่วงสงกรานต์จะเป็นกลุ่มที่โดดเด่นเป็นอย่างมากครับ เพราะสงกรานต์นี้คาดว่า สนามบินจะมีผู้โดยสารมากกว่า 2.37 ล้านคน ซึ่งมีเที่ยวบินพุ่งขึ้นกว่า 60% ทำให้ทั้งท่าอากาศยานใหญ่ ๆ อย่าง ท่าอากาศยานดอนเมือง, สุวรรณภูมิ, เชียงใหม่ หรือท่าอากาศยานภูเก็ต จะมีผู้โดยสารขาเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหุ้นการบินฟื้นตัวแรงจากปีที่แล้วเป็นอย่างมาก เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และชาวไทยเที่ยวต่างแดนมากขึ้น จนทำให้หุ้นการบินมีรายได้ที่เติบโต และหุ้นการบินจะยิ่งได้เติบโตขึ้นไปอีกครับ
ตัวอย่างหุ้นไทยกลุ่มการบิน
- หุ้น AOT : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
- หุ้น BA : บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น NOK : บริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น BAREIT : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ
- หุ้น AAV : บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มรถไฟฟ้าและทางด่วนก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากวันหยุดยาวจะมีนักท่องเที่ยวใช้รถไฟฟ้าและทางด่วนเป็นจำนวนมาก
ตัวอย่างหุ้นไทยกลุ่มรถไฟฟ้าและทางด่วน
- หุ้น BEM : บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น BTS : บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น DMT : บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
- หุ้น BTSGIF : กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท
- หุ้น TFFIF : กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย


5. หุ้นไทยกลุ่มสุขภาพ
หุ้นไทยกลุ่มสุขภาพในช่วงสงกรานต์ก็ถือว่าน่าลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะในแต่ละปีมีจำนวนอุบัติเหตุช่วงก่อน-หลังสงกรานต์เป็นจำนวนมาก ทำให้หุ้นโรงพยาบาลและอาหารเพื่อสุขภาพเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนครับ
ตัวอย่างหุ้นไหยกลุ่มโรงพยาบาล
- หุ้น BCH : บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)
- หุ้น BDMS : บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)
- หุ้น SKR : บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น BH : บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน)
- หุ้น EKH : บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน)



สรุป
จากที่กล่าวมานี้เห็นได้ว่า 5 หุ้นไทยน่าลงทุน ปี 2566 ต้อนรับสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ หุ้นไทยเหล่านี้เป็นกลุ่มหุ้นไยที่ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากในช่วงเมษายน เพราะความต้องการอุปสงค์-อุปทานที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มหุ้นประเภทนี้ขยับขึ้นเป็นบวกที่ทำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรให้ได้ครับ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นไทย นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และพิจารณาความต้องการของตนเอง ว่าสนใจซื้อหุ้นแบบไหน? โดยสามารถศึกษาทิศทางการเลือกหุ้นจากบทความอื่น ๆ และจากเว็บไซต์ของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจในการเลือกหุ้นไทย หรือการลงทุนประเภทอื่น ๆ ที่สนใจได้ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
อ่านรีวิว Exchange อื่น ๆ ได้ที่: Crypto Exchanges
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News