แนะนำสุดยอด 8 เทคนิคการเทรด Forex ที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้ ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการเทรดให้ถึงจุดสูงสุดด้วยเทคนิคเฉพาะทางที่คุณควรศึกษาและเรียนรู้ไว้
เทคนิคการเทรด Forex ที่ทีมงาน Gotradehere หยิบมานำเสนอถือเป็นเทคนิคเฉพาะทางที่นอกเหนือจากเทคนิคการเทรดขั้นพื้นฐานที่ควรรู้ โดย 8 เทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการเทรดได้ดียิ่งขึ้นครับ
——————–🐣——————–
การเทรด Forex คืออะไร?
การเทรด Forex คือ การซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินจำนวน 2 สกุล โดยอาศัยหลักการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าเงินที่เปลี่ยนแปลง ณ ช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ การเทรด Forex จะนิยมซื้อขายกันในรูปแบบของสัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ CFDs (Contract For Difference) ซึ่งมีจุดเด่นคือ เทรดเดอร์สามารถซื้อขายและทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงและไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์นั้นจริงครับ
🐔 แนะนำโดยทีมงาน Gotradehere : หากคุณต้องการศึกษาพื้นฐานและเทคนิคอื่น ๆ เกี่ยวกับการเทรด Forex โดยคุณสามารถคลิกที่บทความด้านล่างนี้ได้เลยครับ
เทคนิคการเทรด Forex คืออะไร ?
เทคนิคการเทรด Forex คือ เทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางราคาคู่สกุลเงินในตลาด Forex ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งเทคนิคดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเทคนิคการเทรด Forex มีทั้งเทคนิคการเทรดแบบพื้นฐานและเทคนิคการเทรดแบบเฉพาะทางครับ
ทำไมต้องรู้จักเทคนิคเฉพาะทางในการเทรด Forex
อย่างที่ทุกคนทราบกันดี การเทรด Forex ไม่ใช่แค่การดูกราฟ คาดเดาทิศทาง หรือใช้อารมณ์ความรู้สึกมาตัดสินใจในการเทรด แต่จำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์และคาดการณ์จากข้อมูลอ้างอิงในอดีตหรือวิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ อย่างลึกซึ้ง และเทคนิคการเทรด Forex แบบพื้นฐาน อาจจะไม่เพียงพอต่อการรับมือความผันผวนของตลาด Forex ได้ดีพอ ซึ่งเทคนิคการเทรด Forex เฉพาะทางถือเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ช่วยในการยกระดับความสามารถในการเทรดของคุณได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดีและข้อจำกัดของเทคนิคการเทรด Forex เฉพาะทาง
ข้อดีของการใช้เทคนิคการเทรด Forex เฉพาะทาง
- สามารถเข้าใจโครงสร้างและพฤติกรรมของราคาในเชิงลึก
- ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์และหาจังหวะการเข้า-ออกออเดอร์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- การวางจุด Stop Loss หรือ Take Profit ที่แม่นยำและมีหลักการมากยิ่งขึ้น
- ช่วยกรองสัญญาณหลอก เช่น Fake Breakout หรือ Stop Hunt
- ลดความเสี่ยงจากการเทรดตามอารมณ์
ข้อจำกัดของการใช้เทคนิคการเทรด Forex เฉพาะทาง
- ต้องอาศัยเวลาและการทำความเข้าใจเทคนิคดังกล่าว เนื่องจากเป็นเนื้อหาเฉพาะทางและมีความซับซ้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
- เทคนิคการเทรด Forex เฉพาะทาง ไม่ได้ให้สัญญาณที่ถูกต้อง 100%
- เสี่ยงต่อการเกิดปัญหา Over Analysis ทำให้พลาดโอกาสในการเทรด
- จำเป็นจะต้องวิเคราะห์ใน Timeframe ที่แตกต่างกันออกไป
- แม้จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น แต่ต้องไม่ลืมที่จะบริหารความเสี่ยงอยู่เสมอ
8 เทคนิคการเทรด Forex ที่มืออาชีพเลือกใช้มือใหม่ต้องลอง
ในบทความนี้ ทีมงาน Gotradehere ได้รวบรวมเอา 8 เทคนิคการเทรด Forex เฉพาะทางที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้มานำเสนอให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งเทคนิคที่เรานำมาเสนอให้แก่คุณ มีดังนี้
- FVG (Fair Value Gap)
- Order Block
- Elliott Wave
- ICT Concept
- Wyckoff Method
- Mitigation Block
- Liquidity Zone
- Buy On Dip
⛔️ หมายเหตุ : เทคนิคดังกล่าวถือเป็นเทคนิคขั้นสูงที่เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องอาศัยการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการฝึกฝนและทดลองเทรดจริง ดังนั้นแล้ว คุณสามารถควรทดลองใช้งานบัญชี Demo สำหรับฝึกใช้งานเทคนิคเฉพาะทาง หรือหากใช้งานกับบัญชีเทรดจริง คุณจำเป็นจะต้องวางแผนรับมือและประเมินความเสี่ยงในการเทรดทุกครั้งครับ
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : FVG (Fair Value Gap)
เทคนิคเทรด Forex ด้วย FVG (Fair Value Gap) คืออะไร ?
Fair Value Gap หรือ FVG คือ ช่องว่างของราคาระหว่างแท่งเทียน 3 แท่ง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนที่ของราคาที่ปรับตัวอย่างรวดเร็วแต่ไม่มีการจับคู่คำสั่งซื้อขาย ณ เวลานั้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากความไม่สมดุลของแรงซื้อและแรงขายในตลาด ซึ่งมักเกิดขึ้นได้บ่อยในช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวน
วิธีสังเกตจุด FVG (Fair Value Gap) บนกราฟ
โดยปกติแล้ว FVG (Fair Value Gap) จะประกอบไปด้วย 2 แบบ และมีวิธีสังเกตรูปแบบง่าย ๆ ดังนี้
- Bullish FVG สังเกตง่าย ๆ โดย
- แท่งเทียน 3 แท่งติดกัน อาจเป็นสีเขียวทั้งหมด และแท่งที่ 2 จะต้องใหญ่ที่สุด
- จุดที่เรียกว่า Fair Value Gap (FVG) จะอยู่ระหว่าง High ของแท่งที่ 1 และ Low ของแท่งที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงราคาที่ไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น (Imbalance)
- มักพบในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- Bearish FVG สังเกตง่าย ๆ โดย
- แท่งเทียน 3 แท่งติดกัน อาจเป็นสีแดงทั้งหมด และแท่งที่ 2 จะต้องใหญ่ที่สุด
- จุดที่เรียกว่า Fair Value Gap (FVG) จะอยู่ระหว่าง Low ของแท่งที่ 1 และ High ของแท่งที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงราคาที่ไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น (Imbalance)
- มักพบในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้มขาลง
การใช้งานเทคนิค FVG (Fair Value Gap) เบื้องต้น
โดยพื้นฐานของ Fair Value Gap เทรดเดอร์เชื่อกันว่า ไม่ว่าจะเป็นตลาดสินทรัพย์ใดก็ตาม ตลาดจะพยายามรักษาสมดุลของตลาดอยู่เสมอ ดังนั้นแล้ว หากราคาในตลาดวิ่งขึ้นหรือลงเร็วเกินไปจนเกิดช่องว่าง (FVG) ตลาดจะพยายาม ย้อนกลับไปบริเวณเกิดช่องว่าง เพื่อเติมเต็มส่วนเหล่านั้นก่อน แล้วจึงไปต่อในทิศทางใหม่ เพื่อให้ราคาสะท้อนมูลค่าอย่างยุติธรรมมากที่สุด (Fair Value)
โดยเราสามารถแบ่งการตีความได้ 2 แบบตามประเภทของ FVG ดังนี้
- Bullish FVG : ราคาจะเริ่มปรับตัวลงมายังโซน FVG แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) แนะนำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Buy ได้เปรียบกว่า
- Bearish FVG : ราคาจะเริ่มปรับตัวขึ้นไปยังโซน FVG แสดงถึงสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) แนะนำให้เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell ได้เปรียบกว่า
หมายเหตุ : ทั้งนี้ การใช้งาน Fair Value Gap จำเป็นจะต้องใช้งานเทคนิคอื่น ๆ ควบคู่ด้วย เพื่อยืนยันสัญญาณ เนื่องจาก FVG ไม่ใช่เทคนิคที่ให้สัญญาณการไปต่อของแนวโน้ม 100% ครับ
ข้อดีของเทคนิค FVG
- ช่วยระบุโซนราคาสำคัญได้เป็นอย่างดี และเป็นโซนที่ เทรดเดอร์รายใหญ่เลือกใช้
- ใช้งานได้กับทุก Timeframe
- ช่วยระบุแนวโน้มและทิศทางราคาในอนาคต
ข้อจำกัดของเทคนิค FVG
- ไม่ได้ให้สัญญาณ 100% ควรใช้ควบคู่กับเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ
- กรณีช่วง FVG กว้างเกินไป อาจทำให้ยากต่อการหาจุดเข้า-ออก หรือการป้องกันความเสี่ยง
สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเรื่อง Fair Value Gap แบบละเอียด ทีมงาน Gotradehere ขอแนะนำช่องทางในการอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของพี่โบ้ (Traderbobo) คลิกที่บทความด้านล่างนี้ได้เลยครับ
📖: FVG Forex คืออะไร ? ทำกำไรแบบปีศาจด้วย Fair Value Gap
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : Order Block
เทคนิคเทรด Forex ด้วย Order Block คืออะไร ?
Order Block คือ บริเวณที่กราฟแท่งเทียนแสดงถึงจุดที่มีการเปิดออเดอร์ซื้อขายขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมาจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันหรือกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ โดยบริเวณดังกล่าวมีโอกาสกลับตัวหรือเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาได้นั่นเอง โดย Order Block จะประกอบไปด้วย 2 ประเภท ได้แก่
- Bullish Order Block : เป็นบริเวณที่มีการเปิดออเดอร์ Buy ขนาดใหญ่ ก่อนที่ราคาจะกลับตัวขึ้นอย่างรุนแรง
- Bearish Order Block : เป็นบริเวณที่มีการเปิดออเดอร์ Sell ขนาดใหญ่ ก่อนที่ราคาจะกลับตัวลงอย่างรุนแรง
วิธีสังเกตจุด Order Block บนกราฟ
- Bullish Order Block
- เกิดในเทรนด์ขาลง
- แท่งเทียนที่ 1 เป็นสีแดงลำตัวและไส้เทียนสั้นหรือยาว
- แท่งเทียนที่ 2 เป็นสีเขียวลำตัวยาวกว่าแท่งแรก และต้องเปิดเหนือแท่งที่ 1
- วางกรอบเส้นจากราคาสูงสุดและต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 1 เป็น Order Block Zone
- Bearish Order Block
- เกิดในเทรนด์ขาขึ้น
- แท่งเทียนที่ 1 เป็นสีเขียวลำตัวและไส้เทียนสั้นหรือยาว
- แท่งเทียนที่ 2 เป็นสีแดงลำตัวยาวกว่าแท่งแรก และต้องปิดใต้แท่งที่ 1
- วางกรอบเส้นจากราคาสูงสุดและต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 1 เป็น Order Block Zone
ทั้งนี้การสังเกตจุดของ Order Block จำเป็นจะต้องสังเกตและวิเคราะห์จุดอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบและยืนยัน Break of Structure หรือ Change of Character (ChoCh) ให้ชัดเจน, เลือกวิเคราะห์ใน Timeframe ขนาดใหญ่ก่อน หรือการยืนยันสัญญาณกลับตัวจากการทดสอบระดับราคาและเส้น Order Block Zone
หากเทรดเดอร์สังเกต Order Block แบบละเอียดจะเห็นว่า จริง ๆ แล้วรูปแบบของ Order Block มีลักษณะเหมือนกับแท่งเทียนแบบกลืนกิน (Engulfing) นั่นเองครับ
⛔️ หมายเหตุ : ทั้งนี้ การใช้งาน Order Block จำเป็นจะต้องใช้งานเทคนิคอื่น ๆ ควบคู่ด้วย เพื่อยืนยันสัญญาณ เนื่องจาก Order Block ไม่ใช่เทคนิคที่ให้สัญญาณการไปต่อของแนวโน้ม 100% ครับ
ข้อดีของเทคนิค Order Block
- ช่วยวางแผนจุดเข้าออกออเดอร์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
- ช่วยระบุจุดกลับตัวของแนวโน้มได้อย่างแม่นยำ
- สะท้อนให้เห็นภาพรวมตลาดได้อย่างดี เนื่องจาก เห็นมุมมองการซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบันได้ชัดเจน
ข้อจำกัดของเทคนิค Order Block
- ไม่ได้ให้สัญญาณที่ถูกต้อง 100% จำเป็นต้องวิเคราะห์ร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ
- ควรวิเคราะห์ใน Timeframe ใหญ่ เนื่องจากมีความแม่นยำมากกว่า
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : Elliott Wave
เทคนิคเทรด Forex ด้วย Elliott Wave คืออะไร ?
Elliott Wave คือ ทฤษฎีที่ถูกสร้างขึ้นว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบราคาที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นและจิตวิทยาของนักลงทุน ซึ่งมีลักษณะเป็นกราฟขึ้นลงในลักษณะคลื่น โดย Elliott Wave แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- คลื่นขับเคลื่อน (Motive Wave) : เป็นคลื่นที่เคลื่อนที่ไปตามทิศทางของแนวโน้มตลาดหลัก โดยจะประกอบไปด้วยเส้น 5 เส้นต่อกัน (1,2,3,4,5) โดยเส้น 1,3,5 เป็นคลื่นตามแนวโน้มหลัก และเส้น 2,4 เป็นคลื่นแก้ไข
- คลื่นแก้ไข (Corrective Wave) : เป็นคลื่นที่เคลื่อนที่ในทิศทางตรงข้ามของแนวโน้มหลัก โดยคลื่นดังกล่าวจะเกิดต่อกับคลื่นขับเคลื่อน โดยจะประกอบไปด้วยคลื่น 3 คลื่นคือ A, B และ C
การใช้งานเทคนิค Elliott Wave เบื้องต้น
สำหรับหลักการพื้นฐานของเทคนิค Elliott Wave มีดังนี้
- การระบุทิศทางเทรนด์ : โดยจะเริ่มที่คลื่น Motive เส้นที่ 1,3,5 เป็นเส้นสำหรับยืนยันแนวโน้ม และเส้นที่ 2,4 เป็นจุดพักตัวของราคา และคลื่น Corective เป็นสัญญาณการกลับตัว
- กำหนดจุดเข้าออก : เราสามารถกำหนดจุดเข้า-ออกออเดอร์ได้ผ่านเส้น Motive Wave ดังนี้
- ใช้ปลายเส้นที่ 2 และ 4 เป็นจุดเข้าออเดอร์
- ใช้ปลายเส้นที่ 3 และ 5 เป็นจุดปิดออเดอร์
- กำหนดจุด Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดของเส้นก่อนหน้า
ข้อดีของเทคนิค Elliott Wave
- ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและจิตวิทยาตลาด
- ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา
- เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจนอย่าง Forex
ข้อจำกัดของเทคนิค Elliott Wave
- การตีความขึ้นอยู่กับตัวบุคคลอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้
- มีความซับซ้อน ต้องอาศัยประสบการณ์
- ควรใช้งานควบคู่กับเทคนิคอื่น ๆ
- ให้สัญญาณช้า จำเป็นจะต้องคาดการณ์ล่วงหน้า
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere : สำหรับทฤษฎี Elliott Wave ถือเป็นเทคนิคเฉพาะทางที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งคุณสามารถอ่านวิธีการใช้ Elliott Wave แบบเจาะลึกได้ในบทความด้านล่างนี้เลยครับ
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : ICT Concept
เทคนิคเทรด Forex ด้วย ICT Concept คืออะไร ?
ICT Concept หรือ Inner Circle Trader Concept คือ แนวคิดและวิธีเทรดที่เน้นการวิเคราะห์โครงสร้างของตลาดและวิเคราะห์ทิศทางของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า “การตามรอยเจ้ามือ” โดย ICT Concept มีเป้าหมายเพื่อดูทิศทางการไหลของเม็ดเงินจากกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่และหาจุดเข้า-ออกออเดอร์ที่ดีที่สุด โดย ICT Concept มีหลักการสำคัญดังนี้
แนวคิด | Concept |
Liquidity | จุดที่มีการล่า Stop Loss ช่วยให้วิเคราะห์การเข้า-ออกออเดอร์ที่ปลอดภัยที่สุด |
Order Block (OB) | จุดที่มีการเปิดออเดอร์ซื้อขายขนาดใหญ่หรือจำนวนมากจากกลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่ก่อนราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง |
Market Structure | เน้นการอ่านโครงสร้างและทิศทางของตลาด เน้นการระบุจุด Higher Highs, Higher Lows, Lower Highs และ Lower Lows |
Fair Value Gap (FVG) | ช่องว่างของราคาที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของราคาที่รุนแรง และรอเวลาที่ราคาจะกลับตัวมาเติมเต็มช่องว่าง |
ข้อดีของเทคนิค ICT Concept
- ICT Concept ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ภาพรวมตลาดและเข้าใจทิศทางการซื้อขายของเทรดเดอร์รายใหญ่
- ระบุจุดเข้า-ออกออเดอร์ที่ปลอดภัยและดีที่สุด
- ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพา Indicator
ข้อจำกัดของเทคนิค ICT Concept
- มีความซับซ้อนและจำเป็นจะต้องพึ่งพาเทคนิคอื่น ๆ ค่อนข้างเยอะ
- ต้องใช้เวลาและประสบการณ์ในการทำความเข้าใจ
- มีเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : Wyckoff Method
เทคนิคเทรด Forex ด้วย Wyckoff Method คืออะไร ?
Wyckoff Method คือ แนวคิดและทฤษฎีว่าด้วยเรื่องของการวิเคราะห์อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สามารถขับเคลื่อนราคาสินทรัพย์ในตลาดได้ โดยทฤษฎีนี้ถูกคิดค้นโดย Richard D. Wyckoff โดยทฤษฎีนี้แบ่งออกเป็น 4 วัฏจักรสำคัญ ดังนี้
หลักการของ Wyckoff Method 4 วัฏจักร
- Accumulation (ระยะสะสม) : กลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่จะเริ่มทยอยซื้อสินทรัพย์สะสมไว้ ส่งผลให้ราคามักเคลื่อนไหวในกรอบราคาแคบ
- Markup (ระยะดันราคา) : เมื่อระดับอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- Distribution (ระยะกระจายตัว) : เทรดเดอร์รายใหญ่เริ่มทยอยขายทำกำไร ทำให้ราคาเริ่มเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ อีกครั้ง
- Mark Down (ระยะดิ่ง) : เมื่อระดับอุปทานกว่าอุปสงค์ ราคาจะเริ่มปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
การใช้งานเทคนิค Wyckoff Method เบื้องต้น
เทคนิค | รายละเอียด | การนำไปใช้ |
โครงสร้างตลาดหลัก | ดูโครงสร้างตลาดจาก 4 วัฏจักร | ใช้วางแนวรับแนวต้าน และวิเคราะห์พฤติกรรมราคาในแต่ละเฟส |
การเปิดออเดอร์ Buy | ดูโครงสร้างวัฏจักร Accumulation โดยเน้นไปที่จุด Spring / LPS / SOS | เปิด Buy เมื่อราคา Break จุด LBS หรือ SOS เปิด Buy เมื่อราคาดีดตัวกลับจากจุด Spring |
การเปิดออเดอร์ Sell | ดูโครงสร้างวัฏจักร Distribution โดยเน้นไปที่จุด Upthrust / LPSY / SOW | เปิด Sell เมื่อราคา Break จุด LBSY หรือ SOW เปิด Sell เมื่อราคาดีดตัวกลับจากจุด Upthrust |
ข้อดีของเทคนิค Wyckoff Method
- เป็นการอ่านโครงสร้างตลาดด้วยตาเปล่า อ่านพฤติกรรมการเทรดของเทรดเดอร์รายใหญ่
- วางแผนหาจุดเข้า-ออกออเดอร์ รวมถึงการวาง Sl / TP ได้แม่นยำ
- ลดการโดนหลอกด้วยสัญญาณ Breakout
ข้อจำกัดของเทคนิค Wyckoff Method
- ต้องอาศัยประสบการณ์และความเข้าใจในการใช้งาน
- ตลาดบางช่วงโครงสร้างไม่ชัดเจน โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดผันผวน
- ต้องใช้เวลาในการยืนยันสัญญาณ
- มีความซับซ้อน อาจทำให้ตีความผิดพลาดได้
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : Mitigation Block
เทคนิคเทรด Forex ด้วย Mitigation Block คืออะไร ?
Mitigation Block คือ บริเวณที่ราคาเคยเคลื่อนไหวผ่านไปอย่างรวดเร็วในอดีต และราคาวิ่งกลับมาทดสอบซ้ำในบริเวณนี้ เพื่อเติมเต็มส่วนที่ราคาหายไป (Liquidity) หรือเพื่อเคลียร์คำสั่งที่ตกค้าง (Clear pending orders) โดยโซนนี้จะทำหน้าที่เป็น “จุดบรรเทาราคา” ก่อนราคาจะกลับตัวหรือเคลื่อนที่ในแนวโน้มเดิมอย่างต่อเนื่อง
วิธีสังเกตจุด Mitigation Block บนกราฟ
- ตำแหน่งก่อนหน้ามีการเกิด Order Block
- ดูว่าราคามีการ Break of Structure ไปแล้วหรือยัง
- ดูว่าราคามีการย่อตัวกลับมาเติมเต็มจุดของ Mitigation Block หรือไม่
- หากราคามีการย่อตัวกลับมาเติมเต็มให้สังเกต Price Action กลับตัวเพื่อยืนยันสัญญาณ จากนั้นเข้าออเดอร์ตามการกลับตัว
การใช้งานเทคนิค Mitigation Block เบื้องต้น
รูปแบบ | วิธีการใช้งาน |
Bullish Mitigation Block | 1. ราคาอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น 2. ราคาย่อตัวลงมา เพื่อชดเชยราคาที่หายไปก่อนหน้า 3. หากราคากลับมาที่จุด Mitigation Block สำเร็จ ให้สังเกต Price Action เพื่อยืนยันสัญญาณกลับตัว แนะนำให้เปิดออเดอร์ Buy จะได้เปรียบกว่า |
Bearish Mitigation Block | 1. ราคาอยู่ในเทรนด์ขาลง 2. ราคาดีดกลับขึ้นไป เพื่อชดเชยราคาที่หายไปก่อนหน้า 3. หากราคาดีดกลับมาที่จุด Mitigation Block สำเร็จ ให้สังเกต Price Action เพื่อยืนยันสัญญาณกลับตัว แนะนำให้เปิดออเดอร์ Sell จะได้เปรียบกว่า |
ข้อดีของเทคนิค Mitigation Block
- ใช้งานร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ ได้ดี เช่น Order Block, Price Action หรือ ICT Concept เป็นต้น
- หากราคาสามารถ Break จุด Mitigation Block ได้ เราสามารถนำจุดนี้มาใช้ตั้งค่า SL ได้
ข้อจำกัดของเทคนิค Mitigation Block
- ต้องอาศัยประสบการณ์และการวิเคราะห์ที่แม่นยำ
- จำเป็นต้องอ่านโครงสร้างตลาดให้เป็น
- ใช้ได้ไม่ดีในช่วงตลาดผันผวนหรือช่วงข่าวแรง
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : Liquidity Zone
เทคนิคเทรด Forex ด้วย Liquidity Zone คืออะไร ?
Liquidity Zone คือ โซนสภาพคล่อง เป็นบริเวณบนกราฟที่มีคำสั่งซื้อขายสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Buy Limit, Sell Limit, Stop Loss และ Take Profit โดย Liquidity Zone จะถูกตีกรอบไว้ตามเส้นแนวรับ-แนวต้านสำคัญ หรือระดับ Fibonacci Retracement เป็นต้น
โดย Liquidity Zone จะเป็นจุดที่กลุ่มเทรดเดอร์รายใหญ่จับตามองและต้องการทำลายสภาพคล่องจุดนี้ (Liquidity Sweep) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “การล่า Stop Loss” โดยจุดประสงค์ที่เทรดเดอร์รายใหญ่ต้องการคือ การดันราคาให้ถึงจุดที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ตั้งค่าคำสั่งซื้อขายไว้ เพื่อให้คำสั่ง Trigger หรือทำงาน จากนั้นจะทำการดึงราคากลับไปยังทิศทางตรงข้าม เพื่อทำกำไรจากการกลับตัวของราคา
วิธีสังเกตจุด Liquidity Zone บนกราฟ
- ระบุจุดแนวรับ-แนวต้าน โดยใช้ Timeframe ใหญ่ เนื่องจากสามารถระบุจุดที่มีคำสั่งซื้อขายสะสมได้แม่นยำกว่า
- สังเกตที่จุด Swing Highs และ Swing Lows หรือจุดที่ระดับราคาที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน (Equal Highs & Equal Lows) ซึ่งจุดเหล่านี้มันเป็นบริเวณที่เทรดเดอร์รายย่อยนิยมตั้ง Stop Loss
- วิเคราะห์ปริมาณซื้อขายด้วย Indicator โดยบริเวณที่มีปริมาณซื้อขายสูงผิดปกติมักเป็นจุดที่บ่งชี้ตำแหน่ง Liquidity Zone
- Fibonacci Retracement ในระดับ 38.2%, 50% และ 61.8% มักเป็นระดับที่ใช้ในการตั้งแนวรับ-แนวต้าน
ข้อดีของเทคนิค Liquidity Zone
- เป็นเทคนิคสำคัญที่ใช้ร่วมกับ ICT Concept
- ช่วยหาจุดเข้าออเดอร์ที่ Smart Money สนใจ
- ช่วยให้สามารถวางแผนจุดเข้าออเดอร์ที่ปลอดภัยและความเสี่ยงต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัดของเทคนิค Liquidity Zone
- สามารถเกิดสัญญาณหลอกได้
- จำเป็นจะต้องใช้ร่วมกับเทคนิคการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญในการวิเคราะห์กราฟ
- ราคาสามารถเคลื่อนผ่านจุด Liquidity Zone ได้ทันที ในกรณีที่ตลาดผันผวนสูง หากเทรดเดอร์ไม่ได้มีการวางแผนรับมือความเสี่ยงอาจส่งผลต่อต้นทุนของคุณเอง
เทคนิคการเทรด Forex ด้วย : Buy On Dip
เทคนิคเทรด Forex ด้วย Buy On Dip คืออะไร ?
Buy On Dip คือ เทคนิคการเทรดที่อาศัยการย่อตัวเพียงเล็กน้อยของราคา ก่อนดีดตัวกลับไปยังทิศทางหรือแนวโน้มเดิม เป็นเทคนิคที่ช่วยให้คุณสามารถหาจุดเข้าออเดอร์ที่ดีและคุ้มค่าที่สุด โดยหัวใจหลักของเทคนิคนี้คือ “การใช้ต้นทุนเพียงเล็กน้อย เพื่อหวังกำไรจำนวนมาก” นั่นเอง
การใช้งานเทคนิค Buy On Dip เบื้องต้น
- ระบุเทรนด์ตลาด ณ ปัจจุบัน ว่ามีแนวโน้มเป็น Uptrend ระยะยาวหรือไม่ โดยอาจใช้ Indicator เข้ามาช่วย เช่น Bollinger Bands หรือสังเกตจุดที่มีการเกิด Break of Structure (BOS)
- กำหนดจุดแนวรับสำคัญเพื่อใช้เป็นจุดเข้า Buy
- ใช้งาน Price Action เข้ามายืนยันสัญญาณการกลับตัวของราคาก่อนตัดสินใจ Buy
- วาง Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ที่จุดต่ำกว่าแนวรับที่วางไว้
ข้อดีของเทคนิค Buy On Dip
- สามารถใช้งานได้ดีเมื่อตลาดเป็นเทรนด์ขาขึ้นระยะยาว (Uptrend)
- หาจุดเข้าออเดอร์ Buy ที่คุ้มค่าที่สุด
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไรในแนวโน้มขาขึ้น
ข้อจำกัดของเทคนิค Buy On Dip
- ไม่มีการรับประกันว่าราคาที่ปรับตัวลงจะดีดตัวกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- ไม่เหมาะกับตลาดที่เป็นเทรนด์แบบ Sideway หรือมีความผันผวนสูง
- จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere : สำหรับเทคนิค Buy On Dip ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มีการใช้งานหลากหลาย ซึ่งคุณสามารถอ่านวิธีการใช้ Buy On Dip แบบเจาะลึกได้ในบทความด้านล่างนี้เลยครับ
ข้อควรระวังในการใช้งานเทคนิคการเทรด Forex
เนื่องจากเทคนิคเทรด Forex ที่ทางทีมงาน Gotradehere หยิบมานำเสนอ เป็นเทคนิคขั้นสูงและเฉพาะทาง ต้องอาศัยประสบการณ์และการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อนใช้งานจริง หากเทรดเดอร์ขาดความเข้าใจในการใช้งาน อาจส่งผลเสียต่อพอร์ตของคุณได้ ดังนั้นแล้ว คุณควรศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียด หรือทดลองเทรดผ่านบัญชี Demo เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการวิเคราะห์ผิดพลาดและถือเป็นการเก็บประสบการณ์ก่อนเริ่มต้นเทรดด้วยเทคนิคจริงครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเทคนิคการเทรด Forex
เทรดยังไงไม่ให้ล้างพอร์ต ?
การเทรดโดยไม่ให้พอร์ตโดนล้างทำได้ง่าย ๆ โดยการรู้จักการบริหารความเสี่ยง เช่น การตั้ง Stop Loss ทุกครั้งในการเทรด, หลีกเลี่ยงการใช้งาน Leverage สูงโดยไม่ผ่านการวิเคราะห์ หรือหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่ตลาดผันผวนครับ
เทคนิคการเทรด Forex มีอะไรบ้าง ?
เทคนิคการเทรด Forex ที่เทรดเดอร์ควรรู้และทีมงาน Gotradehere หยิบมาแนะนำให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติมมี ดังนี้ครับ
- FVG (Fair Value Gap)
- Order Block
- Elliott Wave
- ICT Concept
- Wyckoff Method
- Mitigation Block
- Liquidity Zone
- Buy On Dip
เทรดเดอร์มือใหม่ควรเริ่มต้นจากอะไร ?
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นเทรด Forex ควรเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ ทำความเข้าใจภาพรวมตลาด Forex จากนั้นศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติเบื้องต้นของโบรกเกอร์ Forex และสุดท้ายคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการเทรดครับ
——————–🐣——————–
สรุปเรื่องเทคนิคการเทรด Forex ที่มือใหม่ควรรู้
เทคนิคการเทรด Forex ที่ทีมงาน Gotradehere หยิบมานำเสนอ คือ เทคนิคการเทรดขั้นสูงที่มืออาชีพเลือกใช้ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเทรดและช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์กราฟและทิศทางราคาได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยเทคนิคที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้และเทรดเดอร์มือใหม่ควรศึกษาไว้ มีดังนี้
- FVG (Fair Value Gap)
- Order Block
- Elliott Wave
- ICT Concept
- Wyckoff Method
- Mitigation Block
- Liquidity Zone
- Buy On Dip
ทั้งนี้เทคนิคดังกล่าว ถือเป็นเทคนิคขั้นสูงที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความรู้ความเข้าใจในการเทรด ดังนั้นแล้ว เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียด รวมถึงวางแผนรับมือกับความเสี่ยงทุกครั้งในการเทรด เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการวิเคราะห์หรือความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดครับ