การวิเคราะห์เทคนิคอลคืออะไร ? อยากวิเคราะห์กราฟหรือเข้าใจภาพรวมราคาในตลาดแบบมืออาชีพ สรุปเทคนิควิเคราะห์กราฟราคาที่คุณไม่ควรพลาด
การวิเคราะห์ทางเทคนิคถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางราคาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คำถามคือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือที่เรียกกันสั้นว่า ๆ “เทคนิคอล” มีวิธีอะไรบ้าง สามารถวิเคราะห์ได้อย่างไร? บทความนี้จะสรุปทุกหัวข้อสำคัญเพื่อให้คุณได้ศึกษาและอ่านกราฟได้แบบมืออาชีพครับ
——————–🐣——————–
การวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร ?
การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ Technical Analysis คือ การวิเคราะห์และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ โดยใช้ข้อมูลทางสถิติของราคาสินทรัพย์, ปริมาณการซื้อขาย หรือตัวชี้วัดทางเทคนิคต่าง ๆ เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์
โดยการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “เทคนิคอล” จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ทิศทางหรือแนวโน้มราคาในอนาคตได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณให้ดียิ่งขึ้นครับ
ความแตกต่างระหว่าง Technical Analysis และ Fundamental Analysis
นิยาม | ตัวชี้วัดสำคัญ | |
Technical Analysis | เน้นการวิเคราะห์รูปแบบของราคา โดยอาศัยข้อมูลทางสถิติ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต | ข้อมูลสถิติของราคาหรือข้อมูลปริมาณการซื้อขายในตลาด |
Fundamental Analysis | เน้นการวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ โดยอาศัยการวิเคราะห์จากปัจจัยภายนอก | ข้อมูลทางเศรษฐกิจ, ตัวเลขทางการเงิน หรือข่าวสารการเมือง |
หลักการพื้นฐานในการวิเคราะห์ทางเทคนิคอล
สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เทรดเดอร์ได้ตั้งสมมุติฐานและหลักการพื้นฐานเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ขึ้นมาดังนี้ครับ
- ราคาสะท้อนทุกอย่าง : เทรดเดอร์เชื่อกันว่าราคาในตลาดสามารถบ่งบอกถึงภาพรวม ข้อมูลเชิงลึก หรือแม้แต่จิตวิทยาของกลุ่มเทรดเดอร์ด้วยกันเอง
- ราคาเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้ม : ราคาในตลาดมักจะมีการเคลื่อนในทิศทางที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นตลาดขาขึ้น, ตลาดขาลง หรือการเคลื่อนที่ของราคาในช่วงแคบ (Sideway)
- การเคลื่อนไหวของราคาในอดีต : ราคาในอดีตมัดสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของราคาและการเคลื่อนไหวของราคาแบบตายตัว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้อีกครั้งในอนาคตตามอย่างทฤษฎี “ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอย (History tends to repeat itself)”
วิธีการอ่านกราฟขั้นพื้นฐานที่ควรรู้
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นวิเคราะห์หรืออ่านกราฟอย่างมืออาชีพ การทำความเข้าใจส่วนประกอบของกราฟราคาคือขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม ซึ่งในหัวข้อนี้ทีมงาน Gotradehere จะมาแนะนำวิธีการอ่านกราฟขั้นพื้นฐานที่คุณควรรู้ครับ
โดยปกติแล้วเทรดเดอร์จะนิยมใช้กราฟรูปแบบแท่งเทียน เนื่องจากกราฟประเภทนี้สามารถสะท้อนให้เห็นภาพรวมของราคาในตลาดได้มากที่สุด โดยมีส่วนประกอบสำคัญดังนี้
- ส่วนของราคาต่ำสุด (Lower Price)
- ส่วนของราคาสูงสุด (High Price)
- ส่วนของแท่งเทียน (Body)
- ส่วนของราคาเปิดและราคาปิด (Open&Close Price)
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere :
สำหรับกราฟแท่งเทียนจะแสดงรายละเอียดของราคาในตลาดได้ละเอียดมากที่สุด ด้วยจุดเด่นอย่างการแสดงทั้งราคาเปิดหรือราคาปิด, ราคาสูงสุดหรือราคาต่ำสุดที่เคยไปถึงในแต่ละ Time Frame ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะทางเทคนิคคอล นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังสามารถศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบกราฟอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่บทความด้านล่างนี้ครับ
แนะนำวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคอล (Technical Analysis)
เมื่อคุณทำความเข้าใจส่วนประกอบและวิธีการอ่านกราฟเบื้องต้นแล้ว เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรศึกษาแล้ววิเคราะห์ให้เป็น โดยทีมงาน Gotradehere ได้สรุปออกมาเป็นหัวข้อ ดังนี้ครับ
- การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน
- คู่มือการใช้งาน Indicator
- การอ่านสัญญาณ Divergence
- การวิเคราะห์รูปแบบราคา Price Action
- การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ Chart Pattern
การวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย : แนวรับแนวต้าน
การวิเคราะห์ด้วยแนวรับแนวต้านคืออะไร ?
แนวรับ-แนวต้าน คือ ทฤษฎีเส้นสำคัญที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดสินทรัพย์ทางการเงิน โดยแบ่งออกเป็น 2 เส้นสำคัญ ดังนี้
- เส้นแนวรับ (Support Line) หมายถึง เส้นที่สร้างขึ้นมาเพื่อรอรับระดับราคา โดยคาดว่าราคาที่เคลื่อนตัวลงมาถึงระดับนี้ จะมีแรงซื้อเข้ามาดันให้ราคากลับตัวขึ้นไป
- เส้นแนวต้าน (Resistance Line) หมายถึง เส้นที่สร้างขึ้นมาเพื่อรอรับระดับราคา โดยคาดว่าราคาที่เคลื่อนตัวขึ้นไปถึงระดับนี้ จะมีแรงขายเข้ามาดันให้ราคากลับตัวลงไป
ข้อดีของแนวรับแนวต้าน
- ช่วยกำหนดจุดเข้าออกได้ดีและแม่นยำมากขึ้น
- ช่วยให้สามารถวางแผนในการตั้ง Stop Loss หรือ Take Profit ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
- เป็นการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานที่ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
ข้อจำกัดของแนวรับแนวต้าน
- ใช้งานได้ดีในตลาด Sideway มากกว่าตลาดที่กำลังเป็น Trend
- แนวรับ-แนวต้านไม่สามารถยืนยันการกลับตัวของราคาได้ 100%
- สามารถเกิด Fales Breakout ได้ในบางกรณี
- ไม่เหมาะกับการใช้งานในช่วงตลาดผันผวน
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere :
แนวรับ-แนวต้านเป็นการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจ นอกจากจะช่วยกำหนดจุดเข้าออกแล้ว ยังช่วยในการวางจุด Stop Loss และ Take Profit ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมหรืออยากรู้ว่าควรกำหนดจุดแนวรับแนวต้านยังไงดี? อ่านต่อได้ในบทความด้านล่างนี้เลยครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย : อินดิเคเตอร์ (Indicator)
การวิเคราะห์ด้วยอินดิเคเตอร์คืออะไร ?
อินดิเคเตอร์ หรือ Indicator คือ เครื่องมือพื้นฐานที่เทรดเดอร์นำมาใช้วิเคราะห์ทางเทคนิค โดยอินดิเคเตอร์ถูกนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางราคา
โดยหลักการสำคัญของอินดิเคเตอร์ คือ การนำเอาตัวเลขสำคัญ เช่น ราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด หรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ บนกราฟราคามาคำนวนทางคณิตศาสตร์แล้วแสดงผลออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ครับ
ข้อดีของอินดิเคเตอร์ (Indicator)
- อินดิเคเตอร์เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่มีให้เลือกใช้หลากหลาย และช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์กราฟได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เปรียบเสมือนเครื่องมืออถประโยชน์ที่ทำได้หลากหลาย เช่น ระบุแนวรับ-แนวต้าน, ระบุเทรนด์ตลาด, กำหนดจุดเข้าออก, วิเคราะห์แนวโน้มหรือทิศทางในอนาคต ไปจนถึงการระบุระดับควาผันผวนในตลาด
- ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการเทรดได้ดียิ่งขึ้น
ข้อจำกัดของอินดิเคเตอร์ (Indicator)
- อินดิเคเตอร์ไม่ใช่เครื่องมือที่การันตีการทำกำไรของเทรดเดอร์ได้ 100%
- อินดิเคเตอร์สามารถทำให้เกิดสัญญาณหลอกได้
- อินดิเคเตอร์แต่ละชนิดมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป บางชนิดใช้งานยากและซับซ้อนจำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียด
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere :
สำหรับเทรดเดอร์ การศึกษาเรื่องอินดิเคเตอร์ถือเป็น Challenge อย่างหนึ่ง เพราะจำเป็นจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ โดยทีมงาน Gotradehere มีตัวช่วยที่จะทำให้คุณเข้าใจเรื่อง Indicator ได้ง่ายขึ้นด้วย “10 คู่มืออินดิเคเตอร์ยอดนิยม” สามารถอ่านต่อได้ในบทความด้านล่างนี้ครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย : Divergence
การวิเคราะห์ด้วย Divergence คืออะไร ?
Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่เกิดจากการที่อินดิเคเตอร์และกราฟราคาจริงแสดงผลตรงข้ามกัน หรือที่เรียกกันว่าสัญญาณขัดแย้งนั่นเอง ซึ่งสัญญาณ Divergence จะช่วยบอกสัญญาณการกลับตัวของราคาได้เป็นอย่างดี โดย Divergence ประกอบไปด้วย 2 ประเภท ดังนี้
- Bullish Divergence คือ การที่ราคาสินทรัพย์ลดต่ำลง แต่อินดิเคเตอร์แสดงผลในทิศทางเพิ่มขึ้น
- Bearish Divergence คือ การที่ราคาสินทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น แต่อินดิเคเตอร์แสดงผลในทิศทางลดลง
ข้อดีของ Divergence
- ช่วยระบุจุดกลับตัวของราคาจากสัญญาณขัดแย้งระหว่างอินดิเคเตอร์และกราฟราคาจริง
- ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด
- ใช้ยืนยันแนวโน้มของราคาสินทรัพย์ในตลาด
ข้อจำกัดของ Divergence
- สามารถเกิดสัญญาณหลอกได้
- ต้องอาศัยความชำนาญในการวิเคราะห์สัญญาณ เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ไม่แน่นอน
- จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere :
เนื่องจากการใช้งาน Indicator ควบคู่กับการเทรดจริง ในบบางครั้งคุณอาจพบสัญญาณที่กราฟราคาและอินดิเคเตอร์แสดงผลไม่ตรงกัน หรือที่เรียกกันว่าสัญญาณ Divergence ดังนั้น การทำความเข้าใจสัญญาณดังกล่าวจะช่วยทำให้การเทรดของคุณแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเราได้รวบรวมและสรุปเทคนิคสำคัญให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติมในบทความด้านล่างนี้ครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย : Price Action
การวิเคราะห์ด้วย Price Action คืออะไร ?
Price Action คือ พฤติกรรมของราคาที่แสดงออกมารูปแบบของกราฟแท่งเทียน โดยเทรดเดอร์เชื่อกัน ว่าราคาสามารถบ่งบอกถึงทิศทางราคาและแนวโน้มการซื้อขายในตลาด รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรม, อารมณ์ของกลุ่มเทรดเดอร์ได้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาในตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อดีของ Price Action
- ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์กราฟด้วยตาเปล่าได้
- สามารถบอกสัญญาณจุดกลับตัวได้
- เห็นสัญญาณเร็วและชัดเจน
ข้อจำกัดของ Price Action
- ต้องอาศัยประสบการณ์และทักษะการวิเคราะห์สูง
- สามารถตีความได้หลากหลาย ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการตัดสินใจ
- ไม่สามารถวิเคราะห์ได้แค่จากรูปแบบปัจจุบัน จำเป็นต้องวิเคราะห์รูปแบบราคาในอดีตด้วย
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere :
การใช้งาน Price Action จะช่วยให้คุณสามารถทำความเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนที่ของราคาในตลาดได้แม่นยำและเห็นภาพรวมในตลาดได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Price Action มีรูปแบบแพทเทิร์นที่ค่อนข้างเยอะและซับซ้อนอยู่บ้าง ซึ่งเราได้รวบรวมให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติม พร้อมอธิบายที่เข้าใจง่าย อ่านต่อได้ในบทความด้านล่างนี้เลยครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย : Chart Pattern
การวิเคราะห์ด้วย Chart Pattern คืออะไร ?
Chart Pattern คือ รูปแบบของกราฟที่เกิดจากการสะสมของพฤติกรรมของราคาในอดีต และแสดงออกมาเป็นแพทเทิร์น โดยเทรดเดอร์เชื่อกันว่ารูปแบบราคาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตสามารถเกิดขึ้นได้อีกครั้ง ทำให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์และวิเคราะห์แนวโน้มจากรูปแบบกราฟที่เคยเกิดขึ้นได้
ข้อดีของ Chart Pattern
- ช่วยลดการพึ่งพาเคลื่องมือทางเทคนิค สามารถวิเคราะห์กราฟได้ด้วยตาเปล่า
- ใช้เพื่อยืนยันสัญญาณต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณกลับตัวหรือแนวโน้มแข็งแกร่ง
ข้อจำกัดของ Chart Pattern
- ต้องจดจำแพทเทิร์นต่าง ๆ จำนวนมากและซับซ้อน
- สามารถเกิดสัญญาณหลอกได้
- ไม่สามารถรับประกันความแม่นยำ 100% ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ
🐔 คำแนะนำจากทีมงาน Gotradehere :
เทรดเดอร์เชื่อกันว่ารูปแบบกราฟในอดีตสามารถเกิดขึ้นได้อีกครั้งในอนาคต ดังคำพูดที่ว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม” ซึ่งการเทรดโดยการดูแพทเทิร์นกราฟ (Chart Pattern) ต้องอาศัยการจำและความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ หากเทรดเดอร์ต้องการศึกษาแพทเทิร์นกราฟ 18 แบบที่เกิดขึ้นได้บ่อย สามารถอ่านได้ที่บทความด้านล่างนี้เลยครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
เทคนิคอลคืออะไร ?
เทคนิคคอลหรือการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ การวิเคราะห์กราฟราคาเพื่อหาแนวโน้มหรือทิศทางราคาในอนาคต โดยอาศัยข้อมูลในอดีตมาใช้ในการวิเคราะห์
Price Action Forex คืออะไร ?
Price Action คือ รูปแบบของราคาที่แสดงผลออกมาในรูปแบบแท่งเทียน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางราคาในตลาด โดยเทรดเดอร์จะเรียกเทคนิคนี้ว่า เทคนิควิเคราะห์กราฟด้วยตาเปล่า
Technical Analysis มีอะไรบ้าง ?
สำหรับเทคนิคการวิเคราะห์ Technical Analysis ที่เราแนะนำให้คุณควรรู้และใช้งานให้เป็น มีดังนี้
- การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน
- คู่มือการใช้งาน Indicator
- การอ่านสัญญาณ Divergence
- การวิเคราะห์รูปแบบราคา Price Action
- การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ Chart Pattern
สรุปเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคคอลที่ควรรู้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) หรือที่เรียกกันว่า เทคนิคคอล คืออีกหนึ่งวิธีการที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ทิศทางและแนวโน้มราคา รวมถึงสามารถวิเคราะห์จุดเข้า-ออกที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้เป็นอย่างดี โดยเทคนิคที่ทีมงาน Gotradehere หยิบมานำเสนอให้คุณได้ศึกษาเพิ่มเติม มีดังนี้
- การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน
- คู่มือการใช้งาน Indicator
- การอ่านสัญญาณ Divergence
- การวิเคราะห์รูปแบบราคา Price Action
- การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ Chart Pattern
แต่อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็มีความเสี่ยงที่ตามมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การเกิดสัญญาณหลอก, ข้อพลาดจากความผันผวนในตลาด หรือแม้แต่ความคลาดเคลื่อนของการวิเคราะห์ ดังนั้นแล้ว เทรดเดอร์ต้องไม่ลืมที่จะบริหารและวางแผนรับมือกับความเสี่ยงทุกครั้งครับ